อ่าน : เที่ยวสวิส 4/1 ..... Luzern
บล๊อกที่แล้วเราพาท่านไปชมเมืองลูเซิร์นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและเมืองที่ว่าสวยงามมากที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์มานะครับ มาบล๊อกนี้เราก็ยังพักที่เมืองลูเซิร์นต่อ แต่จะพาคุณๆออกไปเที่ยวด้านนอกเมืองบ้าง โดยมีเป้าหมายที่ยอดเขาทิตลิส (Titlis) ครับ
สถานีรถไฟ Engelberg
Mout Titlis ตั้งอยู่ที่เมือง Engelberg ต้องนั่งรถไฟออกไป ซึ่งก็มีรถไฟให้เราได้โดยสารออกไปทุกๆนาทีที่ 6 และนาทีที่ 35 ของทุกๆชั่วโมง และใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาทีเท่านั้น สะดวกมากๆครับ ... วันนี้เราได้รถไฟขบวน IR (Inter Region) เป็นขบวน Luzern - Engelberg Express นั่งสบายๆ ชมวิวข้างทาง ผ่านทุ่งหญ้าที่ยังเขียวขจี รอเจ้าของฟาร์มมาตัดเพื่อเก็บเป็นอาหารปศุสัตว์ในหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง .... บ้านเรือนชาวชาวฟร์าม (วัว และแกะ) จะอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ปลูกบ้านทรงสวิสที่เรียกว่าชาเล่ท์ สังเกตุดูทั่วไปจะมี 3 ชั้นครับ หลังคาเป็นจั่วแหลมเพื่อให้หิมะไหลลงได้สะดวกครับ
หน้าสถานีรถไฟ Engelberg
เมืองเอนเกลเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งเมืองรีสอร์ทชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ที่น่าหาโอกาสมาเยือนสักครั้ง โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ๆกับ "ภูเขาทิตลีส" (Mount Titlis) ภูเขาที่มียอดสูงจากระดับน้ำทะเลหนึ่งกว่า 10,000 ฟุต หรือ 3,020 เมตร ปัจจุบันเมืองเอนเกลเบิร์กได้กลายเป็นอีกหนึ่งอัลไพน์รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์ .... เอนเกลเบิร์กมีพื้นที่ประมาณ 41 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 4100 คน ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1013 เมตร แต่มีรีสอร์ทและโรงแรมหรูๆมากมาย
นอกจากนี้แล้วเมืองเอนเกลเบิร์กยังเป็นเสมือนแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ทั้งในช่วงฤดูร้อนทั้งสองและฤดูหนาว โดยเมืองใหญ่ๆที่อยู่ใกล้เมืองเอนเกลเบิร์กคือเมืองลูเซิร์นและเมืองซูริค สำหรับบรรยากาศภายในเมืองนั้นค่อนข้างเงียบสงบ โดยในช่วงฤดูร้อนจะมีกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญๆได้แก่ การเดินทางไกล, ขี่ม้า และขี่จักรยานภูเขา ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะเป็นการเล่นสกี การลากเลื่อนหิมะ และอื่นๆ
ข้ามคลองไปสถานีกระเช้า (Cable car)
เมื่อถึงสถานีรถไฟเอนเกลเบิร์ก (ชื่อเมืองมาจากคำว่า Angel ซึ่งหมายถึงนางฟ้า) จะมีป้ายบอกว่าไปสถานี Cable car โดยการเดิน 10 นาที...แต่หนาวมากๆ แถมฝนอีกต่างหาก ... รีบๆเดินผ่านคลองไปตามป้าย แล้วก็ถึงลานจอดรถที่ค่อนข้างใหญ่ ถ่ายภาพด้านนอกได้ 2-3 ภาพก็รีบเข้าไปในสถานี
สถานีกระเช้าขึ้นยอดเขาทิตลิส
การขึ้นสู่ยอดทิตลิส ต้องซื้อตั๋วกระเช้าไฟฟ้า หรือ Cable car นะครับ ราคาไป-กลับ คนละ 96 สวิสแฟรงค์ (เขาออกเสียงแฟรงค์) แต่เรามี Swiss Travel Pass เลยได้ลดครึ่งหนึ่งครับ .... ส่วนเวลาที่เขาเปิดบริการคือ 8.30 น เที่ยวสุดท้าย 15.40 น. ส่วนขาลงจากยอดเขาเที่ยวสุดท้าย 16.50 น.
แผนที่เส้นทางขึ้นเขา
มีเอกสารแจกรวมทั้งภาษาไทยด้วย
ซื้อบัตรเรียบร้อยก็เอาบัตรไปสแกนที่เหล็กกั้นทางเข้า แล้วเข้าไปเลือกกระเช้าที่ว่างๆ ตัวกระเช้าจะมีหมายเลขและธงชาติในหลายๆประเทศด้วย รวมทั้งของไทย .... เอกสารที่แนะนำนักท่องเที่ยวแจกฟรี มีหลายภาษาเช่นกัน หยิบเอาได้ที่สถานีกระเช้าด้านล่าง ... ประมาณปลายๆเดิือน พ.ย หรือต้น ธ.ค. เขาจะมีช่วงหยุดเพื่อซ่อมบำรุงประมาณ 2 อาทิตย์นะครับ (ตรวจเช็ค Schedule Maintenance ก่อนไปครับ) สอบถามได้ที่ Information Center ทั่วไปได้ครับ
ผ่านช่องสแกนตั๋วก่อนขึ้นกระเช้า
ขึ้นกระเช้าไปที่ระดับความสูง 1800 เมตร แล้วเปลี่ยนเป็นกระเช้าหมุนรอบทิศทาง (Titlis Rotair) ถ้าสภาพอากาศเปิดเราจะเห็นวิวสวยงาม แต่วันนี้ทั้งเขาขมุกขมัวไปด้วยฝนและหิมะ หนาวก็หนาว ไม่เห็นอะไรเลย
มองกลับลงมาที่เมืองเอนเกลเบอร์ก
เราถึงสถานีบนสุดในชั้นที่ 1 ก็ออกไปเดินชมของฝาก เพื่อวอร์มอัพร่างกานก่อนไปเดินที่ลานหิมะ .... ขาดไม่ได้คือถ้ำน้ำแข็งหรือ Gracier Cave เดินในนั้นไม่หนาวมากนะเพราะไม่มีลม .... เดินจนจบเส้นทาง แล้วออกไปหาอาหารทานกัน ราคาก็ต่างจากด้านล่างไม่มาก แต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่ดีสำหรับคนไทยเรา
เข้าชมนิทัศการที่ถ้ำน้ำแข็งก่อน
Gracier Cave
ขึ้นลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 5 สู่ทางออกไปเดินในลานหิมะ ออกมาจะเจอป้าย Mount Titlis Switzerland 3020 M, 10000 feet ... เขากั้นเชือกไว้ตามทางลงเขาหรือหน้าผาไว้ เว้นช่องให้พวกนักสกีได้เล่น downhill ลงไปด้วย เลยลานไปจะเห็นสะพานทางเขาของกระเช้านักสกีแบบเปิดขาโล่งๆ ติดป้าย Ice Flyer 3040 เมตร ด้านข้างจะเป็นสะพานเดินบนหน้าผ้า และหอชมวิว (แต่หอปิด)
ออกไปสู่ลานหิมะบนความสูง 3020 เมตร
กระเช้าพวกนักสกี
เดินบนสะพานแขวนท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ -7 องศา
ถ่ายกับชุดชาวสวิส
ประมาณบ่ายโมงครึ่งเราลงจากเขาทิตลิสเพื่อเดินทางกลับลูเซิร์น ... ถึงลูเซิร์นยังไม่มืด เอาแผนที่ออกมาดูว่าพอจะไปไหนได้อีกบ้าง ... ที่อยากไปที่สุดตอนนี้คือเขาริกิ ... ไม่ยากไปกันเลย
💘💘💘💘
รถไฟขาว-ฟ้า ขึ้นสู่ยอดเขา Rigi
เพราะไไปกัน 3 คน พ่อ-แม่-ลูก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจเดินทางมากนัก ชนะ 2 ใน 3 เป็นอันว่าไป เรานั่งรถไฟสายที่ออกเร็วที่สุดในเวลานั้นไปสู่สถานี Arth-Goldau ซึงต้องใช้เวลาประมาณ 28 นาทีจากลูเซิร์น แล้วต้องไปต่อรถไฟไต่เขา หรือ Cogwheel ขึ้นสู่ยอด Rigi Kulm อีก 44 นาที
รถไฟที่ขึ้นสู่ยอด Rugi Kulm มีอยู่ 2 ทางนะครับ คือ
1. ขึ้นไปจากสถานี Arth Goldau ไป ใช้เวลา 44 นาที และ
2. ขึ้นจาก Vitznau ไป ใช้เวลา 32 นาที (สถานีนี้ต้องมาทางเรือจากลูเซิร์น ซึ่งเรือจะใช้เวลา 51 นาที)
เราเลือกทางที่ 1 เพราะต้องทำเวลา และจะกลับทางที่ 2
เบาะนั่งแบบคลาสสิค
เมือง Ath-Goldau ด้านล่าง
ผ่านเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขึ้นไป
สถานีสูงสุด Rigi-Kulm ระดับ 1797 เมตร
ขึ้นสู่ยอดริกิได้ตามเวลาคือถึงประมาณ 15.50 น. แต่ไปเจออากาศปิดเข้า พายุหิมากำลังมาเลยทีเดียว เลยตัดสินใจ ลงอีกด้านไปที่ Vitznau เพื่อไปต่อเรือกลับลูเซิร์น...รถไฟขาลงไปที่ Vitznau จะเป็นสีขาวแดง
ขากลับลงมาอีกด้าน
สถานีวิทซ์เนา (Vitznau) หน้าท่าเรือ
ลงมาถึงสถานีวิทซ์เนาก็มืดแล้วประมาณ 4 โมง 40 นาที ... รีบเดินตามฝรั่งไปรอเรือที่ท่า ... ถ้าเรามีบัตร Swiss Travel Pass ไม่ต้องจ่ายค่าเรือครับ ฟรี แต่เวลาขึ้นต้องดูชั้นด้วย ชั้นบที่เห็นวิวดีๆจะเป็น 1 class นะครับ ส่วนเราจองชั้น 2 ไปก็ต้องนั่งด้านล่าง ซึ่งคนก็เยอะพอควร ... แต่มืดๆแบบนี้จะไปมองเห็นอะไร นอกจากแสงสีตามชายฝั่ง
รอเรือที่ท่าเรือวิทซ์เนา
เรือล่องทะเลสาบ
บนเรือล่องทะเลสาบ จะจอดตามท่าเรือต่างๆเช่นเดียวกับรถ บนเรือก็เหมือนเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเรา มีพวกเครื่องดื่มขาย บางกรุ๊บเขไปกันหลายคน เขาสำรองที่นั่งและจองอาหารไปด้วยก็มี เรือแล่นสู่ลูเซิร์นใช้เวลาประมาณ 50 กว่านาทีก็เข้าเทียบท่าที่หน้าสถานีรถไฟที่ด้านหน้าและสะพานข้ามแม่น้ำรอยส์ที่ประดับประดาด้วยหลอดไฟแสงสี เพราะใกล้วันเทศกาลคริตส์มาสและปีใหม่...ลงเรือได้ก็ไปนั่งรถเมล์กลับที่พัก เอาแรงไว้ไปลุยต่อที่ Zermatt ในวันรุ่งขึ้น.
การเดินทางท่องเที่ยวในหลายๆที่ได้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ ความคิด และความแตกต่าง ที่ต่างกันออกไป เช่นไปในประเทศที่เจริญหรือพัฒนาแล้ว เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตที่ผู้คนเคารพกฏกติกา ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น มองคนอื่นแบบเข้าใจและให้ความสำคัญ ... แต่ในขณะเดียวกัน ไปบางประเทศก็เจอผู้คนที่ดิ้นรน เห็นแก่ได้ ไม่สนว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร แม้มีกฏก็ข้ามกฏนั้นไป เมื่อมีโอกาสก็มักไขว่คว้าหาประโยชน์ส่วนตนตลอด ..... โลกแม้จะใบเดียวกัน แต่ความสำคัญของชีวิตต่างกันราวฟ้ากะดิน อยากเห็นโลกทั้งใบเป็นดินแดนที่สงบสุข ผู้คนไม่แบ่งแยก รักและเคารพกฏกติกาที่ธรรมชาติได้สร้างไว้ เข้าใจซึ่งกันและกันตลอดไป.
💘💘ขอบคุณที่ติดตามครับ💘💘
Water Tower @ Chapel Bridge
___________