อ่าน : เที่ยวสวิส 3 ... Bern & Zurich
บล๊อกก่อนหน้านี้เราพาไปเที่ยวกรุงเบิร์น และท่องราตรีเมืองซูริคในย่านเมืองเก่ากันมา ในบล๊อกนี้เราจะพาท่านไปเที่ยวเมืองซังต์กาเลิน เมืองที่มีมหาวิหารที่สวยงามและเป็นมรดกโลก รวมทั้งเป็นโบสถ์หรือวิหารที่ได้ชื่อว่าเป็นห้องสมุดแห่งแรกของสวิสครับ
สถานีรถไฟซูริค
ตามโปรแกรมเราจะเดินทางจากนครซูริค ไปพักต่อที่เมืองลูเซิร์น (Luzern) ถ้าเราเดินทางไปลูเซิร์นตรงๆโดยทางรถไฟ ก็จะใช้เวลาประมาณ 57 นาทีเท่านั้น ... แต่วันนี้เราเลือกที่จะไปนั่งรถไฟชมวิวขบวน Voralpen Express หรือ Pre-Alpine Express จากสถานี St. Gallen ไปเมือง Luzern เราจึงเดินทางโดยรถไฟ IC (Intercity) โดยออกจากซูริคเวลา 8.33 น. ผ่านเมือง Winterthur และกำหนดถึง St. Gallen ในเวลา 9.35 น. ซึ่งเมื่อถึงซังต์กาลเลิน ยังมีเวลาอีกนาน เราจึงวางแผนเดินเที่ยวเมืองซังต์กาเลินกัน โดยเป้าหมายในการเดินก็คือย่านเมืองเก่าครับ.
St. Gallen (ซังต์กัลเลิน)
ซังต์กัลเลิน เป็นเมืองหลวงของรัฐซังต์กัลเลินในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในหุบเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ ใกล้กับชายแดนประเทศออสเตรีย อาสนวิหารซังต์กัลเลินในเมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ซังต์กัลเลินเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ในฤดูหนาวของทุกปีเมืองจึงต้องเผชิญกับหิมะปริมาณมหาศาล
ย่านเมืองเก่า St. Gallen
ซังต์กัลลเลิน เมืองที่ตั้งชื่อตามนักบวชชาวไอริช ชื่อบาทหลวงกัลลุส (Gallus) ผู้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริตส์ในชุมชน เมื่อศตวรรษที่ 7 และอีกร้อยปีต่อมาจึงมีการสร้างโบสถ์ขึ้นกับสำนักวาติกัน ทำให้เป็นศูนย์กลางทางศาสนาในแถบทะเลสาบโบเดนซี ... เมื่อชุมชนเติบใหญ่ขึ้นจึงตั้งชื่อเมืองว่า "ซังต์กัลเลิน" ตามชื่อนักบุญผู้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาตั้งแต่ครั้งแรก...หลังจากศตวรรษที่ 15 เมืองนี้ได้เปลี่ยนบทบาทจากศูนย์กลางทางศาสนา เป็นศูนย์กลางการค้าผ้าและเย็บปักถักร้อย สามารถดูได้ที่พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ
หน้าสถานีรถไฟซังต์กัลเลิน
เมือง ST. Gallen มีพื้นที่ประมาณ 39.39 ตาราง กม. มีประชากร 75,481 คน รัฐ St.Gallen มีสถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถึง 28 ที่ และจุดที่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวของเมืองนี้คือ "the Abbey Cathedral of St. Gallen" หรือ มหาวิหารเซ็นต์กาลเลิน ซึ่งได้ขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1983
น้ำพุหน้าธนาคาร UBS
ด้านหลังคืออนุสาวรีย์ Joachim Vadian
เมื่อเราเดินชมย่านเมืองเก่า จะมองเห็นยอดหอคอยคู่ ตามไปเลยครับ นั่นแหละไฮไลท์ของเมืองนี้ ... ถ้าเรามองรอบๆ เราจะเห็นแค่อาคารอยู่รอบวิหารแบบธรรมดาทั่วไป ... แต่ความโดดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือภายในครับ
มหาวิหารซังต์กาลเลินสร้างครั้งแรกในศตวรรษที่ 8 โดยนักบวช Otmar โดยสร้างอารามขึ้นแล้วตั้งชื่อเพื่ออุทิศให้นักบุญอัลลุส แล้วมีการปรับปรุงและขยายอารามหลายครั้ง จนกระทั่งถึงหลังที่เห็นในปัจจุบันที่ใหญ่โตและวิจิตรอลังการนั้น สร้างเมื่อ ค.ศ. 1755 - 1766 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บาร็อก
ด้านหน้ามหาวิหาร
ภายในมหาวิหารที่ตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม
ลวดลายของตู้เก็บเอกสาน
ภาพห้องสมุดของมหาวิหาร
ถ้ามีโอกาสอย่าลืมไปชมห้องสมุดต่อนะครับ โดยเดินอ้อมไปข้างๆ (เสียดายวันที่เราไปเขาปิดชั่วตราว 2 อาทิตย์ เราเลยไม่มีโอกาสเข้าชม)
Abbey Library ว่ากันว่าเป็นห้องสมุดที่สวยงามและอลังการมากที่สุดในโลก ด้วยห้องโถงนั้นตกแต่งด้วยไม้แกะสลัก หินอ่อน พื้นปูด้วยไม้ปาเก้ ภาพวาดปูนเปียก หรือ ภาพวาดเฟรสโกอันงดงามของโดมหลังคา ... ที่นี่เก็บรักษาหนังสือและเอกสารหายากมีคุณค่ามากกว่า 150,000 เล่ม รวมทั้งต้นฉบับของนักเขียนกว่า 2,000 ฉบับ ... นอกจากนี้ยังมีของสำคัญอีกอย่างคือ ลูกโลกไม้ขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 เมตร ซึ่งเป็นลูกโลกจำลองจากของจริงที่ถูกชาวซูริคแย่งไปเมื่อปี 1712 และขอคืนไม่ได้ เลยสร้างลูกนี้ขึ้นมาแทนในปี 2006 ส่วนของจริงตอนนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิสในนครซูริค
(ที่มา: ใครๆก็เที่ยวสวิส โดย อดิศักดิ์ จันทร์ดวง)
พื้นที่พรมแดงที่จตุรัส Bleicheli หรือ Stadtlounge
สถานที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งคือ Stadtlounge ที่จตุรัส Bleicheli เขาพ่นด้วยเม็ดพลาสติคสีแดงบนพื้น เต็มพื้นที่ของจตุรัส รวมทั้งที่จอดรถ นักท่องเที่ยวผ่านไปจะต้องแวะถ่านภาพกับความแปลกนี้แทบทั้งนั้น ... ที่เขาทำแบบนี้นัยว่าเพื่อระลึกถึงความทรงจำว่าในอดีตพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ย้อมสีและฟอกผ้า เมื่อครั้งที่ ซังต์กาลเลินเคยเป็นศูนย์กลางการทอผ้าในสมัยก่อน.
หลังจากเราเดินชมเมืองซังต์กาเลินจนเหนื่อย ช่วงบ่ายเราเดินทางต่อโดยรถไฟขบวนชมวิวที่เรียกว่า Voralpen Express หรือ Pre-Alpine Express ซึ่งเจ้ารถไฟขบวนนี้วิ่งผ่านเมืองน้อยใหญ่ตามรายทางในภาคตะวันออกของสวิส ผ่านภูมิประเทศที่เป็นชนบท ทุ่งหญ้า เขาสูง อุโมงค์ และทะเลสาบ ไปจนถึงเมืองลูเซิน โดยจะมีขบวนรถออกห่างกันทุกๆ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้าจนเย็น (ยังไงก็ต้องเช็คตารางการเดินรถด้วยนะครับ) เราสามารถลงรถเที่ยวตามเมืองเล็กๆที่รถผ่านได้ แล้วขึ้นขบวนใหม่ไปจนถึงปลายทาง .... รถไฟขบวนนี้มีสีขาวคาดน้ำเงินและเขียวตามภาพ ภายในโบกี้รถใช้เบาะและที่นั่งเป็นไม้ดูคลาสสิคดี รถไต่เขาสูงขึ้นไปผ่านเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ มองเห็นวิวเทือกเขาแอลป์ที่ด้านบนปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็เข้าสู่สถานีรถไฟลูเซิน เมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวของสวิส
ขบวนรถ Voralpen Line
ที่นั่งภายในรถแบบคลาสสิค
เส้นทางรถไฟสาย Voralpen Line
วิวระหว่างทาง
ผ่านเขาสูงและหิมะ
เราถึง Luzern ประมาณบ่าย 3 โมงแล้วเดินไปที่พักที่ Ibis ใกล้สถานีรถไฟ หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อย แล้วก็นั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าสถานีรถไฟ ก่อนที่จะข้ามสะพานไปเดินเที่ยวและหาซื้อของย่านเมืองเก่ากัน ... เมืองท่องเที่ยวของสวิส เช่น Luzern, Interlaken เวลาเราเข้าพักที่โรงแรม เขาจะออกบัตรโดยสารกับขนส่งสาธารณะในเมืองให้เราคนละใบ เพื่อใช้โดยสารรถเมล์ รถราง ภายในเมืองนั้นๆ โดยในบัตรจะมีคนของโรงแรมรับรอง ผู้เขียนว่าเข้าท่าดีครับในการส่งเสริมการท่องเที่ยว.
วันนี้ลงภาพในบล๊อกเยอะมาก โดยครั้งแรกคิดว่าจะลง St. Gallen และ Luzern ในบล๊อกเดียวกัน แต่มาคิดอีกทีว่านั่นคงรวบรัดมากไป ด้วยอยากให้ท่านที่ติดตามอ่านและชมภาพจากเราได้ประโยชน์มากที่สุดจึงแบ่งแยก 2 เมืองนี้ออกจากกัน.
💘💘ขอบคุณที่ตามอ่านครับ💘💘
ลาด้วยภาพวิวระหว่างทางจาก St. Gallen - Luzern
________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น