วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561

เที่ยวสวิส 4/1 ..... Luzern






บล๊อกที่แล้วเราพาท่านเดินทางไปชมเมือง St. Gallen ทางภาคตะวันออกของสวิตเซอรฺแลนด์มานะครับ หลักๆก็คือพาไปชมมหาวิหารซังต์กาลเลินกัน จากนั้นก็เดินทางโดยรถไฟสายชมวิว Voralpen Express มาที่เมืองลูเซิร์น และเข้าสู่เมืองลูเซิร์นในช่วงบ่ายๆ


เส้นทางจากซังต์กาลเลิน-ลูเซิร์น

วันนี้วันที่ 24 พ.ย. 2017 เราจะพาท่านชมเมืองลูเซิร์น เมืองที่ว่ากันว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลยก็ว่าได้ และเราแน่ใจว่าคนไทยส่วนมากถ้าไปสวิส ก็จะแวะเมืองนี้เสมอ...เป้าหมายหลักที่เราจะมาปักหลักที่นี่ 2 คืน คือ การขึ้นชมยอดเขาทิสลิส (Titlis) และเขา Rigi เที่ยวเมืองเก่า และล่องเรือทะเลสาบกัน


เส้นทางรถไฟเลียบทะเลสาบก่อนเข้าลูเซิร์น


เรานั่งรถไฟขบวนชมวิว Voralpen Express จากเมือง St. Gallen มาที่ลูเซิร์นเพื่อชมวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง โดยมีทั้งข้ามหุบเขา เขาสูงบนเทือกเขาแอลป์ และทะเลสาบ ซึ่งว่ากันว่ารถไฟสายนี้เป็นสาย Pre-Gracie Express และสวยไม่แพ้กัน .... เราถึงสถานีรถไฟลูเซิร์นประมาณบ่าย 3 โมงเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มมืดแล้ว  


ลูเซิร์น

ลูเซิร์น (อังกฤษ: Lucerne) หรือตามสำเนียงท้องถิ่นคือ โลแซร์น (เยอรมัน: Luzern) เป็นเมืองหลวงของรัฐลูเซิร์นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยความที่ลูเซิร์นเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคกลางของประเทศ ทำให้ลูเซิร์นกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ, การคมนาคม, ทางวัฒนธรรม ของภาคกลาง ภาษาทางการที่ใช้ในลูเซิร์นคือภาษาเยอรมัน แลนมาร์กที่สำคัญของเมืองลูเซิร์นคือคาเปลบรึคเคอ ตั้งอยู่ชายฝั่งด้านตะวันตกติดกับทะเลสาบลูเซิร์น มีแม่น้ำร็อยส์ไหลออกมาจากทะเลสาบผ่านกลางเมือง จากเมืองนี้สามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์, เทือกเขาปิลาตุส และเทือกเขารีกี 

หน้าสถานรถไฟลูเซิร์น


ลูเซิร์น มีภูมิอากาศเย็นตลอดทั้งปี จุดหมายตาที่สำคัญในเมืองคือคาเปลบรึคเคอ โบสถ์กลางน้ำรูปทรงสะพาน สนามบินที่อยู่ใกล้ลูเซิร์นที่สุดคือท่าอากาศยานซูริค ซึ่งมีรถไฟโดยตรงมาสู่ลูเซิร์นทุกๆชั่วโมงโดยใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง



ทะเลสาบลูเซิร์น

ภายหลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ชนอลามันน์เชื้อสายเยอรมันก็มีอิทธิพลเหนือดินแดนที่เป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปัจจุบัน จนกระทั่งราวปี 750 ก็มีการจัดตั้งสังฆมณฑลซังค์เลโอเดอการ์ (St. Leodegar) นิกายโรมันคาทอลิกขึ้น ต่อมาในศตวรรษที่ 9 สังฆมณฑลซังค์เลโอเดอการ์ได้ตกอยู่ในการปกครองของโบสถ์มูร์บัค (Murbach Abbey) ในแคว้นอาลซัส ในช่วงเวลานี้เอง พื้นที่แถบนี้ได้ถูกเรียกว่า ลูซิอาเรีย (ละติน: Luciaria) ต่อมาในปี 1178 สังฆมณฑลแห่งนี้ได้เป็นอิสระจากโบสถ์มูร์บัค และได้สถาปนาสังฆมณฑลเป็นเมืองลูเซิร์นในปีเดียวกัน เมืองลูเซิร์นกลายเป็นทางผ่านที่สำคัญบนเส้นทางการค้าที่กำลังเฟื่องฟูในภูมิภาคก็อทท์ฮาร์ด (Gotthard)


ริมทะเลสาบลูเซิร์น...ซ้ายคือเขตเมืองเก่า


หลังจากลากกระเป๋าอ้อมสถานรถไฟไปที่ Ibis Hotel แล้ว ทางโรงแรมจะให้บัตรสำหรับโดยสารสาธารณะในเมืองลูเซิร์นแก่เรา ซึ่งเจ้าบัตรที่ว่านี้จะใช้โดยสารขนส่งสาธารณะในเมืองนี้ได้ทุกอย่าง เช่นรถเมล์ เรือ รถราง ครับ (แต่สำหรับใครที่มีตั๋ว Swiss Travel Pass ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งของสวิสเขา .... ใช้เวลาไม่มากนัก ก็ออกมาขึ้นรถเมล์สาย 4 ที่หน้าโรงแรมเพื่อกลับไปที่หน้าสถานีรถไฟอีกครั้ง จากนั้นเราก็ข้ามสะพานเพื่อไปเดินชมเมืองเก่า และสถานที่สำคัญๆ 


ทะเลสาบลูเซิร์น ขวา..ท่าเรือ

ทะเลสาบลูเซิร์น เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ มีพื้นที่ 113.6 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ผิวน้ำ 430 เมตร และมีความยาว 30 กม. จึงเหมาะที่จะมีกิจกรรม เช่น ล่องเรือไปชมสถานที่สวยๆต่างๆ อย่างเช่นยอดเขาริกี


บนสะพานข้ามทะเลสาบ

เมื่อข้ามสะพานไปด้านเมืองเก่า เดินเลียบทะเลสาบไปจะเห็นโบสถ์หอคอยคู่โดดเด่น ชื่อโบสถ์ฮอฟเคียร์เคอร์ (Hofkirche) .... เมื่อเราเดินเลยโบสถ์นี้ไปไม่ไกล ก็จะเห็นอนุสาวรีย์สิงโตร้องไห้ (The Lion Monument) 

ริมทะเลสาบด้านเมืองเก่า



ท่าเรือที่หน้าสถานีรถไฟลูเซิร์น



โบสถ์ฮอฟเคียร์เคอร์ (Hofkirche)



อนุสาวรีย์เลอเวนเดงก์มัล (Lowendenkmal)



อนุสาวรีย์เลอเวนเดงก์มัล (Lowendenkmal) 

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า...มีกลุ่มทหารรับจ้างของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าประเทศที่คงความเป็นกลางในสงครามระหว่างประเทศมาอย่างยาวนานอย่างสวิตเซอร์แลนด์ จะกลับมีชื่อเสียงระบือลือลั่นในการมีทหารรับจ้างที่ดีที่สุดในโลก กับการรับใช้ให้กับกองทัพฝรั่งเศสมาตั้งแต่ยุคปลายสมัยกลางจนถึงยุคหลุยส์ โดยเฉพาะภารกิจที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกรมทหารรักษาพระองค์ของราชวงศ์ฝรั่งเศส

เหตุการณ์สำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้ทหารรับจ้างสวิสส์มาจนถึงทุกวันนี้คือ การปราบจลาจลร่วมกับกองทัพฝรั่งเศสในปี 1792 ในตอนต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศส ความยึดมั่นในหน้าที่ทำให้ทหารสวิสส์รักษาพระองค์ ที่ห้อมล้อมพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกสังหารทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว เมื่อฝูงชนบุกรุกเข้าโจมตีพระราชวังตุยเลอรี ทั้งๆ ที่มีคำสั่งให้ถอนกำลังกลับสู่ที่มั่นแล้ว  และเพื่อให้เป็นอนุสรณ์ จึงมีการสร้างอนุสาวรีย์ทหารสวิสส์ที่ยอมตายเพื่อปกป้องกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 ไว้ที่กรุงลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นรูปสิงโตนอนตายกอดโล่และตราประจำราชวงศ์ของฝรั่งเศสเอาไว้ และมีหอกหักปักคาอยู่ที่หลัง โดยแกะสลักลึกเข้าไปในหินผาทั้งแผ่น เตือนให้ระลึกถึงวีรกรรมของทหารรับจ้างที่เคยมีส่วนร่วมในสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งนั้น ที่ยอมตายเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีจนวาระสุดท้าย



หน้าผาที่แกะสลัก


อนุสาวรีย์สิงโต (The Lion Monument) หรือ สิงโตลูเซิร์น (The Lion of Lucerne) หรือบางทีก็เรียกกันว่า สิงโตตาย (The Dying Lion of Lucerne) นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจ ที่แสดงถึงความซื่อสัตย์และความกล้าหาญของทหารสวิสส์แล้ว มันยังเป็นความงดงามในด้านประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย

สิงโตลูเซิร์น เป็นอนุสาวรีย์ที่แฝงเอาไว้ด้วยความโศกเศร้า ก็เพราะเหล่าทหารรับจ้างสวิสส์ที่เสียชีวิตในสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งนั้นมากกว่า 700 คน ส่วนมากล้วนเป็นลูกหลานชาวเมืองลูเซิร์น ทั้งนั้น ผู้สร้างจงใจใช้สิงโตเพื่อสื่อความหมายแทนชาวเมืองที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็เพราะว่าสิงโตเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองของชาวลูเซิร์นนั่นเอง

ปัจจุบันนี้ ทหารรับจ้างสวิสส์ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นทหารรักษาพระองค์หน่วยเล็กๆ ให้แก่สมเด็จพระสันตะปาปา แห่งนครรัฐวาติกัน ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่ปี 1859 โดยให้ใช้อาวุธประจำกายที่แตกต่างจากทหารประจำการของฝรั่งเศส และสวมเครื่องแบบสีแดง เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน  



ในร้านยังมีสัญลักษณ์สิงโต



ช่วงเทศกาลคริตส์มัส



ในเขตเมืองเก่า






Chapel Bridge (Kapellbrucke) and Water Tower  ชาเปิลบริดจ์ และวอเตอร์ทาวเวอร์


สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้ที่เก่าแก่สุดในโลกมีอายุหลายร้อยปี พาดข้ามแม่น้ำรอยส์ มีป้อมปราการแปดเหลี่ยมตั้งอยู่กลางสะพาน เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของลูเซิร์น (Luzern) โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตลอดแนวสะพาน เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี


ภาพบนจั่วสะพานไม้






วิวบนสะพาน Seebrucke


วันนี้เดินเที่ยวย่านเมืองเก่านครลูเซิร์น จากหน้าสถานรถไฟ ไปที่โบสถ์ฮอฟเคียร์เคอร์ เรื่อยไปที่หน้าผาอนุสาวรีย์เลอเวนเดงก์มัล (Lowendenkmal) กลับออกมาหาซื้อของฝากพวกมีดพับ Vitorinox ซึ่งหลายๆร้านเขาจะแถมเขียนชื่อให้เราด้วย เดินเรื่อยๆและแวะดูสินค้าในร้านต่างๆ จนออกมาที่ร้านนาฬิกาใหญ่ๆที่ตั้งเรียงรายบนถนนหลังจากที่เราข้ามแม่น้ำรอยส์ .... จนถึงสะพานไม้ข้ามแม่น้ำอีกแห่งชื่อ Spreuer Bridge ซึ่งเป็นสะพานไม้เหมือนๆกับ สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) และใต้หลังคาก็มีภาพเขียนเช่นกัน ... จากนั้นก็ย้อนมาทางสถานีรถไฟก่อนที่จะขึ้นไปชมสะพานไม้ชาเปล 

อากาศช่วงเย็นๆหนาวมาก เรากลับมาที่หน้าสถานีถไฟก่อนที่รถเมล์กลับโรงแรมจะหมดในเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ... บล๊อกต่อไปจะพาไปขึ้นเขา ทิตลิตส์ และเขาริกีครับ



💘💘ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอด💘💘



ลาด้วยภาพ Chapel Bridge (Kapellbrucke) ที่มีฉากหลังเป็นเขา Pilatus (เห็นแสงไฟบนขวา)

ไม่มีความคิดเห็น: