วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

พักสกีรีสอร์ทที่ไจโล และย่านคาร์ลโยฮันส์เกท ออสโล ... นอรเวย์

วันนี้ 27 พย. 2019 และเป็นวันที่ 3 แล้วที่เราเดินทางในนอรเวย์ครับ ..... จากวันแรกเรามาถึงออสโลโดยทางเรือ พอลงเรือก็ออกไปเที่ยวที่ฟร๊อกเนอร์ปาร์คเลย บ่ายๆก็เดินทางสู่เบอร์เกน เมืองใหญ่อันดับสองของนอรเวย์หรือบางคนเรียกว่าเมืองหลวงของนอรเวย์ฝั่งตะวันตก พอวันที่สองเราก็เดินทางไปวอสส์แล้วนั่งรถไฟไปสถานี Myrdal แล้วจึงต่อรถไฟสานโรแมนติก Flambana Train ลงไปเมืองฟล๊อม แล้วล่องเรือชมฟอร์ดไปขึ้นที่ Gudvangen แล้วนั่งรถมาที่ไจโล (Geilo).


แผนการเดินทางจาก Gudvangen - Geilo - Oslo.


วันนี้จะพาชมรอบๆ Vestlia Ski-Resort แล้วเดินทางเข้ากรุงออสโลอีกครั้งครับ...ตามไปชมได้เลย

ในวันนี้ 26 พย. 2019 เราขึ้นเรือชมฟยอร์ดที่เมือง Gudvangen ประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งที่นอรเวย์หน้านี้ก็มืดสนิทแล้วครับ จากกู๊ดวานเกนเรานั่งรถผ่านเมืองฟล๊อม (ที่เราไปลงเรือ) ไปที่ Vestlia Ski-resort ตามเส้นทางที่จะไปออสโล แต่ด้วยระยะทางที่ยาวไกลมาก คือประมาณ 355 กม. ผ่านเขาที่มีหิมะคลุมซึ่งจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงโดยไม่รวมการพักระหว่างทาง มันจึงเป็นระยะการเดินทางที่ค่อนข้างไกล เขาเลยให้เราพักกันที่ เวสท์เลียรีสอร์ท เมืองไจโล (Geilo) ซึ่งจาก Gudvangen ไปก็ประมาณ 2 ชั่วโมง หรือ 132 กม. ครับ ... พอถึงที่พัก ทุกคนก็ต้องร้องว๊าวๆไปตามๆกัน เพราะเราเดินทางมาหลายวันแล้ว แต่วันนี้เป็นวันที่เจอหิมะกำลังโปรยปรายลงพอดี แต่คิดว่าคงตกมาหลายวันแล้วเพราะบนหลังคาอาคารมีหิมะคลุมอยู่หนาพอสมควร.


 


Vestlia Ski-Resort, Geilo

Geilo เป็นเมืองสกีรีสอร์ท ตั้งอยู่ในหุบเขา Hallingdal ห่างจาก Bergen 250 กม. และ 260 กม.จาก Oslo คืออยู่ระหว่ากลางพอดี มีรถไฟสาย Bergen line (ฺBergensbanen เป็นรถไฟสายที่วิ่งจาก Oslo ไป Bergen, ซึ่งมีรถไฟวิ่งผ่านเมืองนี้ 5 เที่ยวต่อวัน) ในเมืองมีร้านค้าอยู่ไม่กี่ร้าน ถนนก็มีสายหลักอยู่เพียงเส้นเดียว เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นมาจากสกีรีสอร์ทนั่นแหละครับ ซึ่งก็มีผู้คนอยู่อาศัยประมาณ 2400 คน ไจโลอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 800 -1220 เมตร ... มีรีสอร์ทอยู่หลายแห่ง (เข้าไปอ่านได้ที่ : Official travel Guide to Geilo

กิจกรรมหลักในหน้าหนาวของที่นี่คือ สกี ซึ่งจะเริ่มช่วงปลายๆเดือนตุลาคมไปจนถึงปลายๆเดือนเมษายน ครับ ส่วนในหน้ร้อนก็ยังมีพวกพายเรือ เดินเขา ปั่นจักยานบนเขา และกีฬากอล์ฟเป็นต้น 





วันนี้เราได้ที่พักที่ ็ Hotel Vestlia Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทใหญ่ จะว่าเป็นโรงแรมก็ไม่น่าจะผิด ... โรงแรมตั้งอยู่ติดลานสกี อยู่ถัดจากที่ราบสูงภูเขา Hardangervidda และตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Geilo Train Station ระยะทางเพียง 2 กม. โรงแรมเขาให้บริการห้องพักสไตล์ลอดจ์พร้อมอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี สปาครบวงจรและห้องออกกำลังกาย ...  Hotel Vestlia Resort ได้รับการออกแบบโดย Helene Hennie ผู้เป็นสถาปนิกชาวนอร์เวย์ ... ในฤดูร้อนท่านสามารถตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟ 9 หลุมของ Vestlia Resort ซึ่งอยู่ถัดจากโรงแรม

ประมาณ 20 นาฬิกา ตอนไปถึงหิมะกำลังลงพอดี จัดการเข้าที่พักและออกมาทานมื้อเย็นกันที่ห้องอาหารในโรงแรม และออกไปเก็บภาพยามค่ำคืนมาฝาก ซึ่งลานสกียังเปิดไฟจ้าอยู่เลย...ส่วนห้องพักของที่นี่ดีครับ กว้างสบายตามราคานั่นแหละครับ

 


หลังโรงแรม...ที่เห็นเป็นทางด้านหลังคือทางเล่นสกีจากเขา



ภายในโรงแรม จัดบริเวณไว้สวยงาม



ด้านหลังใกล้สถานี Cable Car ของนักสกี





ช่วงเช้ากอ่นอาหารเช้าหิมะกำลังลงอีก เราออกมาเก็บภาพหลังโรงแรมอีกครั้ง









ด้านหลัง




ด้านหน้าโรงแรมยามเช้า ... เราออกมาเก็บภาพก่อนเดินทาง





ด้านหน้าโรงแรม มองไปที่เนินเขาอีกด้านเห็นลานสกีที่เปิดไฟอยู่...ส่วนเมืองก็อยู่ในหุบเขาระหว่างโรงแรม





หน้าโรงแรม ก่อนเดินทาง

ได้เวลาประมาณ 8.30 น. เราเออกเดินทางต่อไปกรุงออสโลกัน .... ระหว่างทางปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทะเลสาบและแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งเกือย 100 เปอร์เซ็นต์





ระหว่างทางจาก Geilo - Oslo


รถวิ่งมาประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทาง ซึ่งเขาบอกว่ามีที่เดียวที่จะเข้าได้หลายๆคนซึ่งด้านในเป็นซูปเปอร์สโตร์..หนาวมากๆ



เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชีย...น่าจะจีน






พักรถและพักคนระหว่างทางเข้า Oslo

.....

เราเข้าถึงกรุงออสโลก็ไปทานมื้อเที่ยงที่เป็นอาหารพื้นเมืองของนอรเวย์กัน ร้านอาหารทำน่ารัก แบ่งเป็นห้องๆเล็กๆ อาหารส่วนมากเราจะออเดอร์ไว้ล่วงหน้าว่า จะทานสเต็กเนื้อหรือปลากัน .... เสร็จจากทานอาหารเราก็ไปชมพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง ซึ่งก็น่าทึ่งพอควร เรือไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถเดินฝ่าน้ำฝ่าทะเลไปได้ตั้งไกล สภาพเรือบางลำยังค่อนข้างสมบูรณ์




Viking Ship Museum, Oslo
พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง นั้นเป็นอาคารที่มีความสูงสองชั้น ภายในนั้นจัดเเสดงเรือไวกิ้งที่ขุดค้นไปจำนวน 3 ลำด้วยกัน โดยขุดค้นพบตั้งเเต่ปี ค.ศ.1867 ถึง ปี ค.ศ.1903 ในเเต่ละบริเวณที่เเตกต่างกัน จึงมีการตั้งชื่อเรือตามสถานที่ที่ขุดค้นพบ โดยเรือลำใหญ่ที่มีสภาพสมบูรณ์อย่างมากอย่างเรือ Gokstad นั้นมีความใหญ่โตเเละน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหัวเรือของ Oseberg นั้นก็มีความสวยงามด้วยการสลักเป็นรูปมังกรเเละหัวงู โดยมีความละเอียดอย่างมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรือรบ ทางด้านของเรือ Tune ถือว่าเป็นเรือลำเเรกที่ถูกค้นพบเเละเป็นลำเล็กที่สุด พร้อมกับเสียหานมากที่สุดจากการขดค้นพบ

 


Oseberg ship.


โดยสำหรับภายในเรือทั้งสามลำที่ตั้งเเสดงอยู่ใน Viking Ship Museum นั้นจะมีศพของผู้นำไวกิ้งที่ได้เสียชีวิตไปเเล้วอยู่ด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งในวัฒนธรรมหลังความตายของบรรดาชาวไวกิ้งที่จะเอาเรือไปฝังไว้ใต้ดินเหนียวเพื่อป้องกันการผุผังของไม้ ซึ่งก็ได้พิสูจน์เเละว่าสามารถรักษาเนื้อไม้เอาไว้ได้ โดยมีข้างของเครื่องใช้บนเรือเเละเครื่องประดับมากมายจัดเเสดงเอาไว้อีกด้วย นอกจากนี้เเล้วยังมีรถม้าที่มีภาพสลักเกี่ยวกับชาวไวกิ้งที่น่าสนใจอีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง โดยที่นี่จะเปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชมเล็กน้อย


 


นอกจากนั้นก็ยังมีไม้แกะสลักเป็นรูปหัวงู (เขาเรียกว่าหัวสัตว์ หรือ The Animal - Head ... คงมีความเชื่อเช่นเดียวกับที่เราเชื่อเรื่องพญานาคล่ะครับ และรูปลักษณ์ก็คล้ายๆพญานาคเราด้วย) ซึ่งแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ มี 4 หัว ส่วนอีกหนึ่งหัวสภาพไม่สมบูรณ์เขาเก็บไว้ในห้อง ... ถ้าท่านเข้าไปในเวลาที่เหมาะสม ท่านจะได้ชมภาพยนต์เกี่ยวกับเรื่องราวของการเดินทางผจญภัยของชาวไวกิ้งด้วยครับ

 


ชาวไวกิ้งเป็นใคร
ไวกิ้ง (Vikings) ในความหมายหลักหมายถึงชนเผ่านักรบ นักการค้า และนักตั้งถิ่นฐานจากนอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก ซึ่งบุกรบชนะ ยึดครอง และตั้งอาณานิคมอาณาเขตในส่วนใหญ่ของอังกฤษ นอร์ม็องดี และรัสเซียเมื่อระหว่างประมาณ ค.ศ. 657 - ค.ศ. 1047 นอกจากนี้ยังบุกจู่โจมสเปน โมร็อกโก และอิตาลี ติดต่อการค้ากับจักรวรรดิไบแซนไทน์ เปอร์เซีย และอินเดีย ชาวไวกิ้งยังได้ค้นพบและยึดครองไอซ์แลนด์ และกรีนแลนด์ เดินเรือไปถึงชายทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย

การค้นหาแผ่นดินใหม่ พวกไวกิ้งใช้วิธีปล่อยนกดุเหว่าที่นำติดไปกับเรือด้วยให้ออกจากกรงขัง เมื่อนกดุเหว่าหลุดออกจากกรงขัง มันจะโผบินเป็นวงกลมสูงขึ้นไปในอากาศ ถ้ามันบินกลับย้อนทางเดิม ก็หมายความว่าเบื้องหน้าต่อไปนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่เลย แต่ถ้ามันบินพุ่งไปในทะเลทางทิศใดทิศทางหนึ่ง พวกไวกิงก็ทราบได้ทันทีว่า ทิศทางนั้นต้องมีผืนแผ่นดินอยู่ไกลลับสายตาเบื้องหน้าโน้น ซึ่งพวกเขาจะนำเรือออกค้นความจนพบดินแดนนั้นได้

ด้วยธรรมชาติของการเป็นนักจู่โจมทางเรือโดยทางทะเลซึ่งจะต้องเข้มแข็ง ดุดันและไม่กลัวอันตราย ชาวไวกิ้งจึงมีกิตติศัพท์หรือได้สมญาว่าเป็นพวกโหดเหี้ยมทารุณและเป็นนักทำลายล้าง แต่ในฐานะของพ่อค้าและนักปกครองอาณานิคม ชาวไวกิ้งนับได้ว่าเป็นผู้มีบทบาทและอิทธิพลสูงทางดีในด้านการพัฒนายุโรปยุคกลาง การตั้งถิ่นฐานโพ้นทะเลในยุคแรกๆ ของชาวไวกิ้งได้แก่การตั้งเมือง "ออร์กนีย์" และที่หมู่เกาะ "เชตแลนด์" ซึ่งอยู่ในการปกครองของนอร์เวย์เรื่อยมาและสิ้นสุดเมื่อ ค.ศ. 1472

ช่วงเวลาที่นับเป็นยุคไวกิ้ง อยู่ระหว่าง ค.ศ. 793 - ค.ศ. 1066 ซึ่งสิ้นสุดยุคประมาณระหว่างยุคเชียงแสนและหริภุญชัย หรือก่อนสถาปนาราชวงศ์พระร่วงโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (ค.ศ. 1249) 183 ปี

(อ่านเพิ่มเติม : 
ชาวไวกิ้ง)
 
 



...

 

จากพิพิธภัณฑืเรือไวกิ้ง เราเข้าสู่ใจกลางกรุงออสโลที่ถนนละลายทรัพย์กันต่อ บนถนนเส้นนี้ชื่อ Karl Johans gate เป็น Shopping street ที่ขึ้นชื่อของกรุงออสโล ... ถ้ายังจำกันได้ในบล๊อกต้นๆที่เราเข้ามาที่นอรเวย์ เราก็มาแวะทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน Hard Rock Cafe' ซึ่งก็อยู่แถวๆนี้ล่ะครับ วันนั้นเราเห็นสวนสาธารณะมีชิงช้าสวรรค์ตั้งอยู่ แต่ไม่มีเวลาแวะเข้าไป วันนี้จะพาไปเดินชมบรรยากาศกันครับ


 

ย่าน shopping ใน Oslo ... บริเวณถนน Karl Johans Gate

 


ศาลาว่าการกรุงออสโล (Radhurset) ... จะมีสถานที่มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ



อาคารหน้าศาลาว่าการออสโล


โรงละครแห่งชาติ



อาคารรัฐสภานอรเวย์


โรงแรมแกรนด์



ซ้าย : อุโมงค์ไฟที่สวนสาธารณะ Stundenterlunden

ถนน Karl Johans Gate เป็นถนนสายหลักในกรุง Oslo ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ King Chales III John. ซึ่งก็เคยเป็น King ของสวีเดนชื่อว่า Charles XIV John. ด้วย .... ย่านคาร์ลโจฮันเกท ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ Oslo Central Station เป็นแหล่ง Shopping ที่เลื่องชื่อของเมืองออสโล สินค้าของฝากที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือ เครื่องครัว พวงกุญแจ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าและของที่ระลึกต่างๆ ที่ขายกันในประเทศนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง แต่ถึงแม้ว่าประเทศนอร์เวย์จะมีสินค้าที่แพง แต่ก็ยังมีช่วงลดราคาสินค้า คือ ปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และ ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ... วันนั้นเราไปในช่วงที่กำลังจะมีงานเทศกาลคริตมาสพอดี เลยได้เสื้อกันหนาวที่ลด 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประเภทว่าใครเร็วก็ได้คือมีของจำกัดหมดแล้วหมดเลย เห็นสาวๆนอรเวย์เจียนหอบเอายังกะของให้เปล่า.



Shopping street, Karl Johans Gate




สวนสาธารณะ Studenterlunden งาน X'mass มีสินค้ามาวางขายทั้งของกินและเสื้อผ้า



หัวกวางตัวนี้พูดได้ด้วย...ฝรั่งมุงถ่ายภาพกันใหญ่

 


ลานสะเก็ตน้ำแข็งในสวน Stundenterlunden.

 

เราเดินเที่ยวชมสินค้า (ไม่ค่อยซื้อเพราะราคาแพง) จนค่ำ ... ปัญหาใหญ่ของเราคือห้องน้ำ เพราะหาที่เป็นสาธารณะแบบฟรีไม่เจอเลย หรือว่าเราไม่รู็แหล่งก็ได้นะ เลยต้องไปเข้าห้องน้ำในงานที่สวน ซึ่งเขาจะทำเป็นบล๊อกๆหลังเล็กๆ ที่ประตูจะมีเครื่องรูดบัตรเครดิตไว้ให้ ราคาก็แพงอีกนั่นแหละ ร่วม 50 บาทบ้านเรา ... สงสัยเวลาฝรั่งนอรเวย์มาเที่ยวบ้านเราคงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ เพราะของกิน เสื้อผ้า ราคาถูกมากๆเมื่อเทียบกับบ้านเขา แถมห้องน้ำฟรีหาได้ไม่ยากนักในไทยแลนด์ .... ประมาณ 17.00 นาฬิกาเราเดินทางไปที่สนามบินออสโล การ์เดอร์มอน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงออสโลประมาณ 45 นาที (50 กม.) ซึ่งเราจะเดินทางต่อไปที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ในเวลา 20.15 น. ด้วยเที่ยวบิน AY918. .... เจอกันที่ Helsinki, Finland ครับ.



ที่ Therminal สนามบิน ออสโล การ์เดอร์มอน ... ตู้ self check in มีมากมายที่นั่น



ที่สนามบินออสโล การ์เดอร์มอน

ไม่มีความคิดเห็น: