ปี 2019 หรือ 2562 ผ่านไป ปีใหม่ 2563 ก็เข้ามาแทนที่ตามวัฏจักรของสิ่งสมมติในจักรวาล .... แต่ชีวิตของเราก็ต้องดำเนิินต่อไป และเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสิ้นอายุไขย ... ในช่วงเฉลิมฮลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรบปีใหม่ หวังว่าทุกๆท่านคงมีความสุขตามอัตภาพนะครับ
วันนี้กลับมาอัพบล๊อกแรกของปี 2563 กันด้วยการพาไปเที่ยวกรุงออสโล ประเทศนอรเวย์กันครับ ... ความเดิมจากบล๊อกที่แล้ว เราเดินเที่ยวกรุงโคเปนเฮเกนจนตะวันบ่ายคล้อย (จริงๆแล้วคือตะวันลับฟ้าไปแล้วในเขตสแกนดิเนเวีย) ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งเราก็เดินทางไปเชคอินที่เรือสำราญ DFDS เพื่อเดินทางข้ามทะเลเหนือ ไปทางเหนือสู่กรุงออสโลกัน โดยเรือมีกำหนดการที่จะออกจากท่า 16.40 น. และจะเทียบท่าที่ท่าเรือกรุงออสโล ประเทศนอรเวย์ประมาณ 9.40 น. ในวันรุ่งขึ้น คือกินนอนกันบนเรือนั่นแหละครับ
การโดยสารเรือสำราญ หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเรือเฟอรรี่ขนาดใหญ่ก็ไม่น่าจะผิด แต่จะต่างกันตรงที่ว่าเรือลำนี้มีห้องพักเหมือนโรงแรมทั่วไป และก็มีหลายระดับ บนเรือมีห้องอาหาร Lounge ร้านขายสินค้า (คล้ายซูปเปอร์สโตร์) มีของขายทุกชนิด ตั้งแต่น้ำดื่ม ขนม เสื้อผ้า ตลอดจนเครื่งดื่มราคาแพง มีธนาคารบนนั้นด้วย (น่าจะเอาไว้แลกเงินซะมากกว่า) .... เมื่อมาถึงท่าเรือก็เข้าเชคอินเหมือนเดินทางโดยเครื่องบินนั่นแหละครับ แต่ง่ายกว่าตรงที่เขาเป็นกลุ่มวีซ่าเชงเกนเหมือนกัน ... สะพานเชื่อมเรือจะอยู่ระดับชั้น 5 ของเรือครับ ... บนเรือเที่ยวนี้มีอาหารให้ด้วย 2 มื้อ คื้อมือเย็นแถมเครื่องดื่มคนละที่ เลือกได้ตั้งแต่น้ำอัดลมถึงไวน์หรือวิสกี้โน่นเลย (แต่เราชอบไวน์แดง) และมื้อเช้าเป็นแบบบัฟเฟ่ท์ ส่วนเวลาอาหารเย็นหรือดินเนอร์ต้องจองนะครับ เราได้ 19.00 น.
เรือสำราญ DFDS (Det Forenede Dampskibs-Selskab) ซึ่งเป็นเรือสัญชาติเดนมาร์ก ก่อตั้งมานานตั้งแต่สมัยใช้เครื่องจักรไอน้ำโน่นแหละ หรือ ปี 1866.
DFDS เป็นเรือขนาดใหญ่ มีทั้งหมดทีืั้งหมด 11 ชั้น เราพักห้องวิวทะเลชั้นที่ 6 (ช่วงเดินทางเป็นตอนกลางคืนมืดมองไม่เห็นอะไร) ร้านอาหาร ร้านค้า อยู่ที่ชั้น 7 ส่วนจุดชมวิวอยู่ชั้น 11. .. ส่วนค่าโดยสาร ถ้าเป็น Cabin 4 เตียงแบบ 2 ชั้น (2 เตียงล่าง และ 2 เตียงบน ก็ประมาณ $ 122.97 ต่อคน) .. ในห้องโดยสาร หรือ Cabin ที่ 6534 A/B (ที่เราพัก) มีเตียง 4 เตียง 2ชั้น เตียงทั้ง 4 เตียงพับเก็บได้ .. มีห้องน้ำในตัว ตู้แขวนเสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือ หน้าต่างมองเห็นวิวทะเล Intercall ติดต่อภายใน แต่ถ้าจะใช้ wifi ต้องลงทะเบียนครับ (เสียตังค์) ... sim2fly ที่เราเอาไปจากบ้าน ไม่มีสัญญาณช่วงอยู่ในทะเลครับ
มีโบชัวร์ที่เป็นภาษาไทยด้วย
ร้านขายสินค้าบนเรือ..ซื้อผ่านบัตรเครดิตได้ด้วย
พูดถึงบัตรเครดิต ไม่ต้องกังวลเรื่งระหัส หรือ Pin นะครับ เราเสียบบัตรเข้าเครื่อง แล้วเครื่องจะอ่านและบอกราาคามา ถ้าเราโอเคก็แค่กด Enter หรือโอเคที่เครื่องก็จบ...เสียเงินแล้ว
ถ่ายที่จุดชมวิวหลังเรือ ตอนเช้าก่อนเข้าออสโล
ที่กาบเรือ
ถ่ายเมื่อถึงท่าเรือที่ออสโล นอรเวย์
เชคเอาท์ตรงเทอร์มินัลนี้ก่อนออก
เราถึงกรุงออสโล ประเทศนอรเวย์ในช่วงเช้าประมาณ 9.40 น. เวลาที่นั่น ออกจากเรือก็เชคเอาท์ออก ผ่านด่านตรวจเช่นเคย อากาศเย็นมากประมาณ 3-4 องศา ... ออกจากเรือมาต่อรถเพื่อไปชมอุทยานฟร๊อกเนอร์ ซึ่งเต็มไปด้วยประติมากรรมทั้งจากหินแกรนิตและโลหะ ซึ่งก็คือผลงานของGustav Vigeland ประติมากรชื่อดังชาวนอรเวย์
อุทยานฟร๊อกเนอร์ (Frogner Park) ตั้งอยู่ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ สร้างโดย Gustav Vigeland ระหว่างปี ค.ศ. 1924 - 1943 อุทยานฟรอกเนอร์ มีขนาด 0.45 ตารางกิโลเมตร หรือ 110 acres ซึ่งใหญ่โตมากๆ และยังเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย.
อุทยานฟร๊อกเนอร์ (Frogner Park) ตั้งอยู่ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ สร้างโดย Gustav Vigeland ระหว่างปี ค.ศ. 1924 - 1943 อุทยานฟรอกเนอร์ มีขนาด 0.45 ตารางกิโลเมตร หรือ 110 acres ซึ่งใหญ่โตมากๆ และยังเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย.
อุทยานฟรอกเนอร์ เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริดและทองแดง ผลงานทั้งหมดเป็นของ "กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์" ปฏิมากรชื่อดังชาวนอรเวย์ ซึ่งที่นี่มีปฎิมากรรมมากกว่า 200 ชิ้นให้ได้ชม โดยผลงานชิ้นเอกเป็นเสากลางอุทยานซึ่งมีควมสูงถึง 14.12 เมตร ชื่อ Monolith รอบเสาแกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัฎจักรชีวิตมนุษย์ ลักษณะของเสาโมโนลิท เป็นรูปคนจำนวนมากมาย (121 คน) กำลังปีนป่ายกันอยู่บนเสาใช้เวลาสร้างรวม 22 ปี จากหินแกรนิตเพียงแท่งเดียว และยังมีรูปหล่อสำริด ชื่อ Angry Littleboy อันโด่งดัง
เห็นเด่นๆนั่นคือเสา Monolith
รูปั้นที่เรียกว่าวัฏจักรชีวิตนี้ อยู่ท้ายสุดของสวน ซึ่งก็เป็นเนินที่สูงที่สุดในสวนนี้ด้วย
รอบฐานนี้เปนภาพแกะสลักราศีต่างๆ
ประตูก่อนเข้าสู่เสา Monolith
เสาโมโนลิท (Monolith) สูง 14.12 เมตร (46.32 ft) ที่ประกอบไปด้วยคนจำนวน 121 คนกำลังปีนป่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า เสาใช้เวลาสร้างรวม 22 ปี จากหินแกรนิตเพียงแท่งเดียว
รอบๆเสาจะมีการแกะสลักรูปปั้นคนที่เปลือยเปล่าในอริยาบทต่างๆ
จากประตูทางเข้ามาในสวน ก็จะเจอรูปปั้นที่ทำขึ้นจากสำริดและทองแดง และที่ผู้คนชอบที่สุดก็คือเจ้า Angly Boy
Angly Boy (ขอบคุณภาพจากเวบ)
ด้านหน้าที่เป็นสะพาน และเจ้า angly boy ก็ตั้งไว้ที่นั่น
ประตูทางเข้า Frogner Park
จากฟร๊อกเนอร์ปาร์ค เราเข้าไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารพื้นเมืองชื่อ Hard Rock Cafe เหมือนจะอยู่ใจกลางออสโลตรงถนนคนเดินเลยล่ะ ที่สวนกำลังเตรียมจัดงานคริตส์มาส มีชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุนแบบบ้านเราเลย .... เราจะแวะมาออสโลอีกครั้งเพื่อมาเดินแถวๆนี้ในวันที่กมาจากฟล๊อมครับ วันนี้มาทานมื้อเที่ยงกันก่อน จากนั้นจะต้องเดินทางไปสนามบิน เพื่อบินไปที่เบอร์เก็นและพักค้างคืนที่นั้นครับ
สำหรับบล๊อกนี้ขอจบเพียงแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วบล๊อกหน้าไปชมบรรยากาศที่เบอร์เก็นยามค่ำคืน การนั่งรถไฟสายโรแมนติก และการล่องเรือชมฟยอร์ดกันครับ
ลากันด้วยภาพจากหน้าร้าน Hard Rock Cafe
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น