วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562

+ เที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี 6 .... วัดคิโยมิสึ +




อ่าน : เที่ยวญี่ปุนช่วงใบไม้เปลี่ยนสี 5 ... วัดเทนริวจิ


สวัสดีปีใหม่ 2562 หรือ 2019 ครับ .... บล๊อกนี้เป็นบล๊อกแรกของปี 2019 ซึ่งเป็นปีหมู แต่ จขบ. บอกได้เลยว่าปีนี้ไม่มีอะไรหมูๆแน่ หลายเรื่องหลายราวประดังเข้ามาสู่ชาวเรา ไม่ว่าเศรษฐกิจที่ต้องรอขาขึ้น การเมืองที่ต้องรอรัฐบาลใหม่ ส่วนท่านใดที่รออะไรใหม่ๆ ก็คงต้องพยามกันต่อไปครับ และขอให้ความพยามของท่านจงประสบผลในเร็ววัน.

เริ่มศักราชใหม่เราจะพาคุณๆเที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต่อครับ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่ 5 ของทริปพาคุณยายเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งตรงกับวันที่ 28 พฤศจิกายน 2018 และบล๊อกนี้จะพาไปชมวัดมรดกโลกขงญี่ปุ่นอีกวัดหนึ่งในเกียวโตต่อ นั้นคือ วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu) หรือวัดน้ำใสครับ




ทางขึ้นสู่วัดคิโยมิสึ

ตื่นเช้าเราเดินทางออกจาก Hotel Boston Plaza ที่ Kusatsu ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงที่จอดรถทางขึ้นวัดในเวลาประมาณ 8.20 น.  เราให้รถไปส่งตรงป้ายรับส่งผู้โดยสารที่ใกล้ที่สุด ก่อนเดินทางขึ้นสู่วัด ตามทางเดินสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับวัคิโยมิสึ และร้านอาหารประเภทซื้อใส่ถุงเดินทานไปได้ .... ข้อดีของการมาวัดนี้ในช่วงเช้าๆคือนักท่องเที่ยวประเภทกลุ่มทัวร์ยังมาไม่ค่อยถึง (แต่ก็มีบางกลุ่มมาแล้วเช่นกัน) เลยไม่ต้องเดินเบียดกันในถนนแคบๆ แต่ข้อเสียคือร้านรวงยังไม่เปิดหมด แต่เราคิดว่ามาช่วงแบบนี้ดีกว่า เพราะยังมีพื้นที่ให้เราได้เก็บภาพพอควร .... อย่าลืมว่าวัดคิโยมิสึเถระนี่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของคทที่มาเที่ยวเกียวโตเลยนะครับ แม้ช่วงนี้วัดจะมีการบูรณะอยู่เป็นบางส่วน (กำหนดการบูรณะวัด แบ่งเป็นส่วนๆ ตั้งแต่ปี 2017 - 2020 เลยนะครับ) วันนี้อาคารหลัก หรือ เราชอบเรียกว่าศาลาท่อนซุงนั้น กำลังบูรณะอยู่ครับ



ขึ้นถึงบริเวณวัดแล้ว



....ขอคัดลอกข้อความมาเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเรื่องราวของวัดดังนี้ครับ....


วัดคิโยมิสึ (ญี่ปุ่น: 清水寺 Kiyomizu-dera วัดน้ำใส) ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะ (ญี่ปุ่น: 音羽山 Otowa-san) ทางตะวันออกของนครเกียวโต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ (Historic Monuments of Ancient Kyoto) ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก อาคารหลักของวัดคิโยมิสึได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น ชื่อของวัดซึ่งมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัด





เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อย


ตำนานการสร้างวัดคิโยมิสึ กล่าวว่า ในค.ศ. 776 พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อว่าเค็นชิง (ญี่ปุ่น: 賢心 Kenshin) ซึ่งจำวัดอยู่ที่นครนาระ ฝันว่ามีชายชราคนหนึ่ง บอกว่าให้พระภิกษุเค็นชิงเดินทางออกจากนครนาระไปทางเหนือ เพื้อค้นหาน้ำตกซึ่งมีน้ำที่ใสสะอาด พระภิกษุเค็นชิงจึงออกจากนครนาระเดินทางไปทางเหนือ จนไปถึงเขาโอโตวะค้นพบน้ำตกซึ่งมีน้ำที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ และพบกับพระภิกษุอีกรูปหนึ่งชื่อว่า เกียวเอโกจิ (ญี่ปุ่น: 行叡居士 Gyōe-koji) พระภิกษุเกียวเอโกจิได้แจ้งแก่พระภิกษุเค็นชิงว่า เขาโอโตวะและน้ำตกน้ำใสแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิม และจงแกะสลักต้นไม้ให้เป็นรูปเซ็งจู คันนง หรือ เจ้าแม่กวนอิมพันมือ จากนั้นพระภิกษุเกียวเอโกจิก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พระภิกษุเค็นชิงเข้าใจว่าพระภิกษุเกียวเอโกจิคือเจ้าแม่กวนอิมจำแลงกายมา จึงแกะสลักต้นไม้เป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือ และจำวัดอยู่บนเขาโอโตวะนั้น

อีกสองปีต่อมาค.ศ. 778 ซามูไรชื่อว่าซากาโนอูเอะ โนะ ทามูรามาโระ (ญี่ปุ่น: 坂上田村麻呂 Sakanoue no Tamuramaro) เดินทางมาเพื่อล่าสัตว์ยังเขาโอโตวะ ได้พบกับพระภิกษุเค็นชิงซึ่งได้ร้องขอให้ซากาโนอูเอะหยุดการปาณาติบาตในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิมพันมือ และเทศนาพระธรรมคำสอนให้แก่ซากาโนอูเอะ ซากาโนอูเอะมีความประทับใจในพระธรรมคำสอนและปาฏิหาริย์ขององค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ จึงสร้างวัดประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือที่แกะสลักจากไม้ไว้เพื่อเป็นการบูชา และตั้งชื่อวัดว่า วัดคิโยมิสึ แปลว่า วัดที่มีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์

ตลอดประวัติศาสตร์การก่อตั้งวัด หนึ่งพันสองร้อยปีของวัดคิโยมิสึนั้น วัดคิโยมิสึสังกัดนิกายฮซโซ (ญี่ปุ่น: 法相 Hossō) หรือนิกายโยคาจาร และอยู่ภายใต้การปกครองของวัดโคฟูกุเมืองนาระอันเป็นวัดศูนย์กลางของนิกายฮซโซ จนกระทั่งค.ศ. 1965 วัดคิโยมิสึได้แยกออกมาตั้งนิกายของตนเอง เรียกว่า นิกายคิตาฮซโซ (ญี่ปุ่น: 北法相 Kita-Hossō) หรือ นิกายฮซโซเหนือ

อาคารหลักของวัดคิโยมิสึเป็นที่รู้จักจากระเบียงขนาดใหญ่สูง 13 เมตร มีเสาไม้กว่าร้อยต้นรองรับ สร้างยื่นออกจากด้านข้างของเนินเขา จากระเบียงนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเกียวโตได้ วลีที่กล่าวว่า "กระโดดจากระเบียงวัดคิโยมิซุ" ซึ่งหมายความว่า ตัดสินใจกะทันหัน หรือกล้าตัดสินใจ วลีนี้มีที่มาจากความเชื่อในสมัยเอโดะที่ว่า หากผู้ใดสามารถกระโดดจากระเบียงวัดแล้วสามารถรอดชีวิตได้ ความปรารถนาของผู้นั้นจะสัมฤทธิ์ผล

คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้ในการรอดชีวิตจากการกระโดดระเบียงคือ ด้านล่างของระเบียงมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งอาจจะชะลอแรงจากการตกได้บ้าง ในปัจจุบันทางวัดห้ามมิให้มีการกระโดดระเบียง แต่ในสมัยเอโดะมีการบันทึกไว้ว่า มีผู้มากระโดดถึง 234 คน และรอดชีวิตได้คิดเป็นร้อยละ 85.4 ของทั้งหมด


ข้างใต้อาคารหลักคือ น้ำตกโอตาวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ ความรัก และความสำเร็จในการศึกษา

ภายในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอื่น ๆ จำนวนมาก ที่เป็นที่รู้จักดีคือ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอกูนินูชิโนะ มิโกโตะ (Okuninushino Mikoto) เทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้ามี "ก้อนหินแห่งความรัก" 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรัก

วัดคิโยมิสึเป็นสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด จึงมีพ่อค้านำสินค้ามาขายในบริเวณวัดมากมาย สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องราง เครื่องหอม ธูป เทียน หรือกระดาษเสี่ยงทายโชคชะตา


ที่มา: https://th.wikipedia.org/



จากระเบียงวัดจะมองเห็นใบไม้แดงทั่วบริเวณ และไกลออกไปคือนครเกียวโต


ก่อนจะเข้าไปไหว้พระขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ก็ต้องจ่ายค่าบัตรคนละ 300 เยน


เมื่อเข้ามาในบริเวณวัดแล้ว ก็เดินชมบริเวณรอบๆด้านหน้าของอาคารหลัก (ที่มีเสาไม้ซุงขนาดใหญ่) ก่อนจะเข้าไปไหว้พระในวัด โดยจะต้องซื้อบัตรผ่านเข้าไปคนละ 300 เยน แล้วเดินผ่านศาลาเข้าไปกราบไหว้พระโพธิสัตย์กวนอิม 11 หน้า 1000 กร แล้วชมภาพใบไม้แดงตรงระเบียงอาคารหลัก เมื่อออกจากอาคารหลัก เราควรขึ้นไปศาลเจ้า.... ก่อนเพื่อขอพร (ถ้าไม่มีเวลาก็เดินเลยไปที่หอ Okuno-in) ซึ่งบนนั้นนอกจากมีสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ใกล้ศาลเจ้าเล็กๆแล้ว ยังมีก้อนหินเสียงทายเรื่องความรัก 2 ก้อน ซึ่งว่ากันว่าถ้าใครหลับตาแล้วเดินจากก้อนหนึ่งไปแตะอีกก้อนได้โดยไม่มีคนช่วย จะสมหวังในรัก ซึ่งหิน 2 ก้อนนั้นอยู่ห่างกัน 18 เมตรครับ ... พอลงมาจากศาลเจ้าแล้วเดินวนไปไปอีกศาลาบนไหล่เขา หรือเรียกว่าหอ Okuno-in จากตรงนั้นเราจะมองเห็นระเบียงอาคารหลักได้ชัดเจน เห็นคนยืนออกันตรงระเบียงเพื่อถ่ายภาพ ส่วนไกลออกไปจะเป็นเมืองเกียวโต ... เดินเลยออกไปก็จะเป็นทางวนลง มี 2 แยก แยกซ้ายไปจะเป็นหอสำหรับขอพรเรื่องครอบครัวและบุตร ส่วนทางตรงไปก็จะไปสู่น้ำตกโอตาวะ จะเห็นผู้คนมากมายเดินเข้าคิวไปรองน้ไดื่มกัน (จขบ. ไปวัดนี้ 3 ครั้ง ไม่เคยได้ดื่มเลย อย่างมากแค่ได้น้ำในบ่อพรมศรีษะเท่านั้น) .... เลยออกไปเหมือนจะผ่านร้านเหล้า หรือ ร้านอาหารนี่แหละ ก่อน เดินต่อออกไปหน้าวัดครับ ... นั่นคือ Route ทางเดินคร่าวๆในวัด



ที่ระเบียงอาคารหลัก (Hondo) ที่มีเสาท่อนซุงขนาดใหญ่กว่าร้อยต้น เป็นเสาสูง 13 เมตรรองรับ


ออกจากศาลาท่อนซุง แวะซ้ายขึ้นไปผ่านเสาประตูศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) จะมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิและ "ก้อนหินแห่งความรัก" 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร


ศาลเจ้าจิชูจินจะอยู่ภายในอาณาเขตวัด ว่ากันว่าหากมาขอพรที่นี่ จะทำให้สมหวังในความรัก เราจะเห็นคนที่กำลังหาคู่รักมาเดินหลับตาระหว่างหินสองก้อน ถ้าเดินไปถึงอีกด้านได้ตามลำพัง หมายความว่าคนคนนั้นจะได้พบกับความรัก คนที่ต้องมีผู้ให้ความช่วยเหลือเพื่อเดินไปถึงหินอีกด้าน จะต้องการความช่วยเหลือ จากคนกลางเพื่อตามหาให้เจอคนรัก



ลงจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิด้านบนจะมีบันไดลงไปสู่น้ำตกสามสายด้านล่าง หรือจะเดินวนไปทางเจดีย์และลงอีกทางก็ได้


จากระเบียงหอ Okuno-in อีกด้านของไหล่เขา จะมองเห็นศาลาท่อนซุงใหญ่ (ขวามือ) กำลังบูรณะ 


ระเบียงอาคารหลัก ... ตรงที่ว่ากันว่ามีคนมากระโดดเสี่ยงทาย (ตอนนี้ห้ามแล้ว)

มีความเชื่อพิเศษของวัดคิโยมิสึเดระ  คือ การกระโดดระเบียงวัดคิโยมิสึเดระ กระโดดลงจากระเบียงที่วัดคิโยมิสึเดระแล้ว  สามารถรอดชีวิตกลับมาได้
ความปรารถนาของคนๆนั้นจะเป็นจริง ในอดีตมีชาวญี่ปุ่นมากระโดดระเบียงนี้กันจริงๆ แต่ในปัจจุบัน ทางวัดไม่อนุญาตให้กระโดดแล้ว



อาคารหลัก หรือบางครั้งเรียกว่าศาลาท่อนซุง (ถ่ายเมื่อปี 2014)



มุมนี้เห็นเกียวโตชัดมาก

ไกลออกไปที่เห็นคล้ายๆเจดีย์เป็นหอสำหรับขอพรเรื่องครอบครัวและบุตร


ตรงระเบียงศาลาใหญ่ที่คนยืน 






ตรงระเบียงของหอ Okuno-in


น้ำตกโอตาวะ จากมุมบน

"เชื่อกันว่าหากดื่มน้ำจาก น้ำตก 3 สายแล้วจะได้รับโชคดี คือ
แม่น้ำสายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา
แม่น้ำสายที่ 2 จะสมหวังเรื่องความรัก และ
แม่น้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรงทำให้มีอายุยืนยาว"





ใบเมเปิ้ลเหลืองออกสลับกับสีแดง ก็สวยไปอีกแบบ .... ถ้าสังที่ใบจะเห็นมีคราบดำๆ ผู้รู้บอกว่าเกิดขึ้นเนื่องจากปีนี้ญี่ปุ่นมีพายุบ่อยเลยมีคราบสกปรกมาติดที่ใบ





แยกซ้ายขึ้นไปหอขอพรเรื่องบุตร




สายน้ำ 3 สายของน้ำตกโอตาวะ


ตามทางเดินมีต้นเมเปิ้ลกำลังเปลี่ยนสีเป็นสีแดงสวยตลอดเส้นทาง












การเดินทาง

คุณสามารถเดินทางไปยังวัดคิโยะมิซึเดระ โดยขึ้นรถประจำทางหมายเลข 100 หรือ 206 ที่สถานีเกียวโต (Kyoto Station) ซึ่งจะใช้เวลาเดินทาง 15 นาที และมีค่าใช้จ่าย 230 เยน ลงจากรถที่ป้ายหยุดรถประจำทางโกโจ-ซากะ (Gojo-zaka) หรือคิโยมิซึ-มิชิ (Kiyomizu-michi) จากนั้นเดินขึ้นเนินเข้าสู่วัดโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที หรือคุณสามารถเดินจากสถานีคิโยมิซึ-โกโจ (Kiyomizu-Gojo Station) บนสายรถไฟเคฮัน (Keihan Railway Line) โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที

CR : JAL Guide to Japan




เหมือนจะเป็นซากุระ

เช้านี้เราใช้เวลาเกือบครึ่งเช้าที่วัดคิโยมิสึเถระ เพื่อไหว้พระขอพรและชมใบไม้แดงด้วย ที่นี่จะมีความสวยงามแตกต่างกันไปทุกฤดูกาล ช่วงใบไม้ผลิก็จะได้ชมดอกซากุระสพรั่งไปทั้งบริเวณวัดเช่นกัน .... วันนี้เรายังอยู่ที่เกียวโตกันต่อครับ เดี๋ยวบล๊อกหน้าคอยติดตามนะครับ



____ขอบคุณที่ตามอ่านครับ____



กลับออกมาที่เดิม...และลากันด้วยภาพนี้ครับ





ไม่มีความคิดเห็น: