อ่าน : : เที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี 3 ... มัตสึโมโตะ & ทากายาม่า
การเดินทางเพื่อชมใบไม้แดงและไหว้พระในญี่ปุ่นของทีมเราวันนี้ก็เข้าสู่วันที่ 4 แล้วนะครับ เราเดินทางแบบไม่รีบนักกับคน 5 คนและรถตู้แบบ VIP 9 ที่นั่งสบายๆ .... โดยที่วันแรกเราเที่ยวที่โตเกียวก่อน ตามมาด้วยวันที่ 2 เที่ยวรอบๆภูเขาไฟฟูจิ และวันที่ 3 เที่ยวชมปราสาทมัตสึโมโตะและเมืองทากายามาครับ ส่วนรายละเอียดก็ตามลายแทงที่ให้ไว้ไปได้ครับ รับประกันไม่ผิดหวัง ... การวางโปรแกรมก็เอาแบบที่คุณยายวัย 77 ไม่เหนื่อยมาก ถึงตรงไหนสวยๆก็พักไปเรื่อย โปรแกรมเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ครับ
แผนการเดินทางของเราในวันนี้
สำหรับวันนี้เราต้องเดินทางระยะไกลอีกวัน จากแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งสู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งถ้าดูตามแผนที่ด้านบน เราจะออกจากทากายาม่า ไปชมหมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวา-โกะ (Shirakawa-go) ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขา แต่การเดินทางจากเมืองทากายาม่าไปนั้นสะดวกมากในทางรถยนต์ ... จากชิราคาวา-โกะ เราจะตีรถยาวบนทางด่วนไปที่วัดเทนริวจี (Tenryuji Temple) เพื่อชมใบไม้แดงกัน ก่อนที่จะไปเชคอินเข้าที่พักที่ Kusatsu ที่โรงแรม Plaza Boston Hotel .... ด้วยภาพที่เก็บมาได้ตามความสามารถที่มี และมากโข เราจึงอยากให้คุณๆได้ชมภาพมากๆ (ตามสไตล์เที่ยวด้วยภาพของนาย wicsir) จึงแยกบางสถานที่ออกให้ได้อรรถรสมากขึ้นครับ.
ที่พักในทากายาม่า Hotakaso Oshino Iori
เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น มีออนเซ็นแบบรวมด้วย
อาหารเช้าที่โรงแรม เขาให้เลือกได้ 2 อย่างคือแบบตะวันตก หรือแบบญี่ปุ่น (เราเลืือกแบบญี่ปุ่น)
ริมคลองใกล้ Morning Market, Takayama
ที่ Morning Market ยังมีใบเมเปิ้ลแดงหลงเหลืออยู่
____________
จากทากายาม่าหลังอาหารเช้า เราเดินทางมุ่งสู่หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ ซึ่งต้องผ่านเขาสูง แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่น เราจึงมีถนน Expressway ที่ตัดเข้าสู่หมู่บ้านด้วยการเจาะอุปโมงค์ผ่านเขาได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องขับปีนเขาให้หวาดเสียว แถมยังคงธรรมชาติไว้ได้อีกทางหนึ่งด้วย ... มีอุปโมงค์หนึ่งใกล้ๆจะถึงหมู่บ้านยาวถึง 11 กม. ว่ากันว่านี่คืออุปโมงค์ทางรถยนต์ที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว (ส่วนอุปโงค์ที่ยามที่สุดของญี่ปุ่นเป็นอุปโมงค์ลอดทะเลเชื่อเกาะระหว่างเกาะฮนชูกับเกาะฮกไกโดในประเทศญี่ปุ่นตรงบริเวณช่องแคบสึงารุ ชื่ออุโมงค์เซกัง (Seikan Tunnel) ยาวกว่า 53.85 กิโลเมตร (23.3 กิโลเมตรบริเวณพื้นทะเล) ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก) เมื่อขับผ่านในอุปโมงค์จะมีป้ายบอกตลอดว่าจะถึงปลายอุโงค์อีกกี่ กม. และผ่านมาแล้วกี่ กม. .... ทำให้ ณ ปัจจุบันผู้คนสามารถเข้าไปถึงหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะได้สะดวกสะบายขึ้น แถมยังมี Expressway ตัดเชื่อมต่อเมืองต่างๆในภูมิภาคนั้นเกือบทุกเมืองด้วย .... เราผ่านที่เก็บเงินเข้าจอดในลานจอด ลงรถแล้วทำธุระส่วนตัวในบริเวณนั้น ก่อนเดินข้ามสะพานแขวน คนเดินเข้าสู่หมู่บ้าน โอกิมาชิ (Ogimachi Village)
หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวา-โกะ (Shirakawa-go)
ภูมิภาคชิราคาวา-โกะและโกคายาม่าซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันคือพื้นที่ตามแนวหุบเขาเลียบแม่น้ำโชกาว่า (Shogawa River Valley) รวมทั้งพื้นที่ลึกเข้าไปในหุบเขา ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่จังหวัดกิฟู (Gifu) ไปจนถึงโทยาม่า (Toyama) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1995 โดยมีชื่อเสียงจากบ้านชาวนารูปทรงแบบกัสโช-ซุคุริ (gassho-zukuri) ซึ่งเป็นประเพณีการสร้างบ้านที่สืบทอดกันมายาวนานกว่า 250 ปี
แผนที่เดินเที่ยวหมู่บ้านโอกิมาชิ (Ogimachi Village)
สะพานแขวนเดินข้ามสู่หมู่บ้านโอกิมาชิ
แม่น้ำโชกาว่า (Shogawa River) เลียบหมู่บ้านในหน้าแล้ง
ผ่านเสาโทริอิสีขาวนี้เข้าไปสู่หมู่บ้าน
บ้านชาวนาทรงกัสโช-ซุคุริ (Gussho-Zukuri) ที่มีแปลงนารอบๆบ้านยังคงเสน่ห์อยู่เสมอ
กัสโช-ซุคุริ หมายความว่า "สร้างขึ้นมาเหมือนมือที่ประนมสวดมนต์" (constructed like hands in prayer) ซึ่งบ่งบอกถึงรูปทรงหลังคาของบ้านชาวนาที่ทำมุมเอียงลงอย่างลาดชันที่ดูราวกับมือของพระสงฆ์ที่กำลังประนมในขณะสวดพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ รูปแบบสถาปัตยกรรมนี้ได้รับการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้สามารถรับมือกับปริมาณหิมะจำนวนมากที่ตกลงมาในระหว่างที่มีพายุหิมะช่วงฤดูหนาว หลังคาบ้านซึ่งสร้างขึ้นโดยไร้ตะปูมีพื้นที่ห้องใต้หลังคาใหญ่มากสำหรับการเลี้ยงหนอนไหม
กัสโช-ซุคุริ (Gussho-Zukuri) หมายความว่า "สร้างขึ้นมาเหมือนมือที่ประนมสวดมนต์"
ในพื้นที่ในหมู่บ้านโดยเฉพาะรอบๆแปลงเกษตรกรรม มีคลองน้ำเล็ๆ น้ใสมากไหลผ่านตลอด
ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ก่อนศตวรรษที่ 16 ในบริเวณนี้ (หมู่บ้านโอกิมาชิ) เคยมีบ้านแบบกัสโชเพียง 50 หลัง จนมาถึงช่วงปลายสมัยเอโดะเพิ่มขึ้นเป็น 80 หลัง ก่อนจะเพิ่มขึ้นรวมกันแล้วกว่า 100 หลังในช่วงกลางสมัยเมจิ โดยมีถนนสายเล็กๆ เชื่อมโยงหมู่บ้านทั้งหมดไว้ด้วยกัน จนในปี ค.ศ. 1890 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดถนนมายังหมู่บ้านแห่งนี้ นับตั้งแต่นั้นแบบสไตล์ญี่ปุ่นแบบใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้น ปัจจุบันมีบ้านแบบกัสโชดั้งเดิมนั้นอยู่ในเขตชิราคาว่า-โกทั้งสิ้นจำนวน 113 หลัง และบ้านสไตล์ญี่ปุ่นอีก 329 หลัง Smiley
ภาพจากการมาเยี่ยมชิราคาวาโกะในปลายตุลาคม 2014
ภาพเมื่อปี 2014 เราพักที่บ้านหลังนี้
ด้านล่างนี้คัดลอกมาจาก https://www.talonjapan.com เพื่อให้ได้ติดตามข้อมูลอีกทางหนึ่ง ซึ่งในเวบเขามีเวลาและค่าเข้าชมบ้านต่างๆด้วย ตามลิงค์ด้านล่างสุดเลยครับ
"หมู่บ้านหลังคาโบราณชิราคาวะโกะ Shirakawa-go หรือมีชื่อหลักว่า หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi Village) เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของชิราคาวาโกะ ที่นี่นั้นนับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีความสวยงามและล้ำค่าทางวัฒนธรรมจนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโกปี 1995 อีกด้วย หมู่บ้านแห่งนี้ความเก่าแก่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาเพราะมีอายุเก่าแก่กว่า 250 ปี คิดดูว่าเค้ามีการอนุรักษ์ได้ดีงามขนาดไหนที่ทำให้ตัวโครงสร้างต่างๆยังคงงดงามน่าหลงใหลเหมือนในวันวานไม่มีผิด หมู่บ้านนี้ถือว่าเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์กของชิราคาวาโกะก็ว่าได้ แบบว่าถ้าพูดชื่อชิราคาวาโกะปุ๊บภาพหมู่บ้านทรงโบราณนี่ลอยมาในหัวเลย ภายในหมู่บ้านนั้นมีบ้านไร่กัสโชซูคุริ (Gassho-zukuri farmhouses) ให้เที่ยวชม
โครงสร้างบ้านออกแบบมาเพื่อทนทานต่อหิมะที่รุนแรงในฤดูหนาว บ้านไร่บางส่วนจากรอบๆหมู่บ้านแห่งนี้ได้ถูกย้ายให้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำจากใจกลางเมืองนั่นเอง
ด้วยความที่มีพื้นที่ที่กว้างขวางมาก ทำให้ภายในมีอะไรให้ชมเยอะแยะ แบบว่าเดินกันได้เพลินๆลืมเวลาไปเลยล่ะ บ้านไร่ต่างๆในพื้นที่หมู่บ้านโอกิมาจิก็จะมีทั้งกัสโชซูคุริมินคาเอน (Gassho-zukuri Minkaen) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำของใจกลางหมู่บ้าน จัดแสดงบ้านไร่ที่ย้ายมาจากหมู่บ้านโอกิมาจิเพื่ออนุรักษ์ไว้ให้เข้าชม
จุดชมวิวชิโรยาม่า (Shiroyama Viewpoint) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของใจกลางหมู่บ้าน สามารถมองเห็นวิวของหมู่บ้านโอกิมาจิทั้งหมด จากใจหน้าศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโดยสารรถบัส ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที (ปิดระหว่าง/หลังหิมะตกหนัก) บ้านวาดาเกะ(Wada-ke House) เป็นของครอบครัววาดะ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและเป็นผู้นำของหมู่บ้านโอกิมาจิ ถือว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดในบรรดาบ้านไร่กัสโชซูคุริ ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนได้เข้าชม บ้านคันดาเกะ(Kanda-ke House) เป็นบ้านไร่ที่ได้รับการรักษาไว้อย่างดีที่สุดของพิพิธภัณฑ์โอกิมาจิ และสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามจากหน้าต่างชั้นบนของบ้านอีกด้วยบ้านนางาเซเกะ (Nagase-ke House) เป็นบ้านครอบครัวนางาเซะ แพทย์ประจำตัวขุนนางมาเอดะในจังหวัดอิชิคาว่า ซึ่งถูกย้ายเข้ามาตั้งในหมู่บ้านโอกิมาจิ ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือทางการแพทย์ ชั้นบนจัดแสดงเครื่องมือการเกษตรและอุปกรณ์การเลี้ยงไหม
ยังไม่หมดนะครับ เพราะยังจะมีอีกหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น วัดเมียวเซนจิและบ้าน (Myozenji Temple and House) มีโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์หลังคามุงด้วยกระเบื้องที่แตกต่างจากวัดทั่วไป นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับบ้านไร่เมียวเซนจิเกะ (Myozenji-ke farmhouse) เป็นบ้านพักสำหรับพระสงฆ์ เจ้าของบ้านสามารถพูดภาษาอังกฤษในการแนะนำอาคารแก่ผู้เข้าชมได้ พิพิธภัณฑ์เทศกาลโดบุโรคุ (Doburoku Festival Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงเกี่ยวกับเทศกาลโดบุโรคุที่จัดขึ้นในวันที่ 14-15 ตุลาคมเป็นประจำทุกปี สิ่งสำคัญในการจัดเทศกาลคือเหล้าสาเกโดบุโรคุ ซึ่งผลิตโดยศาลเจ้า นักท่องเที่ยวสามารถลองชิมได้ในพิพิธภัณฑ์ ชิราคาวาโกะโนยุ (Shirakawa-go no Yu) ชิราคาวาโกะโนยุเป็นการผสมผสานระหว่างห้องอาบน้ำสาธารณะกับบ้านไสตล์ญี่ปุ่นมินชูกุ (minshuku) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการและเข้าพักได้ และบ้านโทยามาเกะ (Toyama-ke House) ตั้งอยู่ห่างจากโอกิมาจิโดยขับรถยนต์ไปประมาณ 5 นาที ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน รวมกับพื้นที่เพาะปลูกรอบๆบ้าน นับได้ว่าไม่ได้เป็นแค่หมู่บ้านมรดกโลกที่มีแค่ความล้ำค่าให้ได้ชื่นชมกัน แม้ด้านนอกอาจจะดูคล้ายๆกันแต่ด้านในบอกเลยว่ามีอะไรมากมายให้ได้ค้นหา เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มากกว่าแค่ความเก่าแก่แต่มาแล้วได้ความประทับใจมากกว่าที่คิดเยอะ"
ที่มา : https://www.talonjapan.com/shirakawa-go-village/
ลูกพลับที่มีปลูกเกือบทุกบ้านที่หมู่บ้านโอกิมาชิแห่งนี้
ย่านร้านขายของที่ระลึก
___ขอบคุณที่ตามอ่านครับ___
จากจุดชมวิว...ขับรถขึ้นไปตามแผนที่
เข้าใกล้เกียวโตใบไม้แดงเริ่มเพิ่มขึ้น
ลาด้วยภาพหมู่บ้านโอกิมาชิ ภาพนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น