วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

+ เที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี 5 ... วัดเทนริวจิ +





ารเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีวันนี้เป็นวันที่ 4 ต่อเนื่องจากบล๊อกที่แล้วที่พาเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ ในช่วงเช้า บล๊อกนี้จะพาเดินทางจากหมู่บ้านชิราคาวาโกะในเวลาประมาณ 11.20 น. โดยใช้ทางด่วนมุ่งสู่เกียวโต โดยมีเป้าหมายที่วัดเทนริวจิและสวน Sogenchi Garden ที่อยู่ติดรั้วกันกับวัดเทนริวจินั่นแหละครับ



แผนการเดินทางในวันนี้


การเดินทางไกลด้วยรถเราก็อาศัยแวะเข้าห้องน้ำตามที่พักรถหรือ SA (Service Area) ซึ่งมีห้องน้ำสะอาดให้ใช้ฟรี ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และที่ช้อปปิ้งด้วย .... ไปถึงแถวๆอาราชิยาม่าก็ใกล้ค่ำแล้ว (ประมาณ 16.00 น) แม้จะแค่ 4 โมงกว่าๆก็ตาม ภาพที่ได้จึงดูทึมๆพอควร  เราเลือกให้รถตู้ไปจอดส่งเราหน้าวัดเลย เพื่อจะได้เดินไม่ไกล ช่วงเวลาที่เหลือเราอยากทำเวลาให้ได้ดีที่สุดเพื่อจะได้เดินแถวป่าไผ่ และสะพาน แต่จะได้หรือไม่ไปดูกันครับ.


Togetsu-Kyo Bridge ข้ามแม่น้ำโฮะซึ  วันนี้ดูน้ำน้อยไปนิด

สะพานโทเก็ตซึเคียว (Togetsukyo Bridge) หรือฉายาสากลว่า Moon Crossing Bridge นั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของอราชิยาม่าที่ทุกคนรู้จักดีเลยก็ว่าได้ สะพานแห่งนี้ทอดข้ามแม่น้ำโฮะซึ (保津川 - Hozugawa) โดยมีภูเขาอราชิยาม่าเป็นวิวอันงดงามอยู่เบื้องหลัง สะพานอันเก่าแก่ดั้งเดิมนี้นั้นสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอัน (Heian Period) ในยุคก่อตั้งกรุงเกียวโตเลยทีเดียว และมีการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ล่าสุดในช่วงราวยุค 1930s


ริมแม่น้ำโฮะซึ  (ถ่ายเมื่อ 2014) .... เมื่อข้ามสะพานไปจะเห็นท่าเรือ และสามารถนั่งเรือจากตรงนี้ไปชมใบไม้แดงได้


หน้าวัดเทนริวจิ (Tenryuji Temple)

ช่วงใบไม้แดงนี้ผู้คนเดินทางมาที่นี่มากมาย การจราจรในถนนหน้าวัด (เส้นหลักจากสามแยกสะพาน Togetsu-Kyo) ขึ้นไปจนทางเข้าป่าไผ่แน่นไปหมด วิธีการคือให้คนขับรถตู้ไปดร๊อปเราหน้าวัด แล้วโทรหาให้เขามารับเมื่อเราเที่ยวเสร็จ เวลาที่เหลือประมาณ 2 ชั่วโมงคุณๆเชื่อไหมเที่ยวได้แค่วัดกะสวนนี้เท่านั้นเอง เพราะในบริเวณวัดนั้นลานตาไปด้วยใบเมเปลิ้ลสีแดง จะมุมไหนๆก็สวยไปหมด เอาเป็นว่าเจอใบไม้แดงเต็มๆวันแรกทุกคนในรถก็บอกว่าคุ้มแล้วที่มาญี่ปุ่นคราวนี้ ... เรามาที่นี่ครั้งก่อนในเดือนตุลาคม 2014 ช่วงเด็กๆปิดเทอม ใบไม้ที่นี่เริ่มจะมีสีแดงบ้างแต่ก๋ไม่เยอะเหมือนคราวนี้ เสียดายที่ว่าสภาพอากาศที่ครึ้มๆเหมือนจะมีฝนในวันนี้ เลยได้ภาพไม่สวยนัก (ฝีมือไม่ถึง) ... พอก้าวข้ามธรณีประตูวัดเข้าไปก็เจอผู้คนมากมายดั่งในภาพ สาวๆญี่ปุ่น (รวมสาวไทยด้วย) นิยมใส่ชุดกิโมโนมาวัดกัน เป็นแบบนี้แทบทุกวัดในญี่ปุ่น ด้านหน้าที่ถนนใหญ่เหมือนมีร้านให้เช่าชุดด้วยครับ.


ทางเดินเข้าสู่วัดเต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงเต็มไปหมด


จากประตูวัดด้านหน้าเข้าไป เราแทบเดินไปข้างหน้าไม่เป็น เพราะภาพใบเมเปิ้ลสีแดงที่แดงเต็มต้นเรียงรายกันยาวเหยียดจนถึงตัววัด ทำให้เวลาทั้งหมดหมดไปกับการหยุดเก็บภาพ จนต้องเตือกันว่าเราต้องรีบๆหน่อยเพราะสวนเขาจะปิดก่อน นั่นแหละถึงไปกันได้ .... บอกได้คำเดียวว่า ถ้าจะมาชมใบไม้แดงที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่น่ามาเป็นอย่างยิ่งครับ



กับสาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยววัด ... อัธยาศัยดีมากพอรู้ว่าเราเป็นคนไทย เธอพยามส่งภาษา "ขอบคุณค่ะ" ให้ด้วย 






ใบเมเปิ้ลที่แดงทั้งต้น


วัดเทนริวจิ (Tenryuji, 天龍寺) ถือว่าเป็นหนึ่งในห้าวัดที่สำคัญที่สุดของนิกายเซน แถมยังได้ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย ด้วยความที่ทั้งสำคัญต่อทั้งนิกายและเป็นมรดกโลกทำให้จัดว่าเป็นวัดที่จัดว่าทรงคุณค่ามากของเขตอาราชิยาม่าของเกียวโตเลยทีเดียว


ในบริเวณวัดเทนริวจิ


แรกเริ่มเลยการสร้างวัดแห่งนี้สร้างเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิ โก-ไดโกะในปี ค.ศ. 1339 โดยมีท่านโชกุนอาชิคากะ ทาคาอุจิ เป็นผู้ดำเนินการสร้าง ซึ่งในขณะนั้นได้ทรงเสด็จสวรรคตไปแล้ว แม้ตัวอาคารต่างของวัดจะเคยถูกเผาทำลายล้างในระหว่างที่เกิดสงคราม ภายหลังในช่วงยุคสมัยเมจิราวๆปี ค.ศ.1868-1912 ก็ได้มีการบูรณะแลละทำการสร้างขึ้นมาใหม่โดยยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมเดิมๆไว้ ส่วนที่ว่านั่นก็มี เรือน Hojo, เรือนวาดภาพ (Shoin), และห้องครัวของวัด (Kuri) แต่มีส่วนนึงที่อยู่มาตั้งแต่เริ่มสร้างวัดแล้วรอดจากการถูกทำลายมาได้ก็คือบริเวณสวนรอบๆ เรียกได้ว่าเป็นสวนที่ยังคงความงดงามแบบดั้งเดิมไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ผู้ออกแบบนี่เหนือคำว่าธรรมดาไปมาก เพราะเป็นท่านมุโซ โซเซคิ (Muso Soseki) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสุดๆในยุคนั้น รวมทั้งยังเป็นผู้ออกแบบสวน Kokedera อันเลื่องชื่อ ไปจนถึงสวนดังๆของเมืองเกียวโตทั้งหมด

ที่มา : https://www.talonjapan.com/tenryuji-temple/












ในสวน Sogenchi Garden


จากบริเวณวัดเราสามารถเดินต่อเข้าไปชมความงามของสวนโซเจนชิ (Sogemchi Garden) ได้ โดยต้องซื้อบัตรเข้าไปคนละ 300 เยน ซึ่งเมื่อเราเข้าไปด้านในแล้วจะเห็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ปลูกต้นเมเปิ้ลซึ่งกำลังมีใบเปลี่ยนสีเป็นสีแดงสวยงามอยู่รอบๆ เดินต่อเข้าไจะเป็นสวนซึ่งตระการตาไปด้วยใบเมเปลิ้ลสีแดง และมีจุดชมวิวอยู่บนเนินเขาด้วย ด้านหลังของสวนสามารถเดินทะลุออกไปสู่ป่าไผ่อาราชิยาม่าได้ด้วย แต่เรามัวชมสวนเพลินจนเขาปิดปรตูนั้นไปก่อน เลยต้องย้อนกลับไปทางเก่า (ประตูน่าจะปิดตอน 17.00 น.) เพื่อไปเดินต่อในถนนป่าไผ่กัน

ในสวน

สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจในวัดเท็นริวจิ คือสวนแบบเซน ที่ย้อนกลับไปยังศตวรรษที่ 14 ในสวนมีสระน้ำขนาดใหญ่สะท้อนเงาต้นเมเปิ้ลและมีหินก้อนโตเรียงรายอยู่รอบนอก ซึ่งเป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังมี “ทิวทัศน์ที่หยิบยืม” จากทิวเขาอาราชิยาม่าที่อยู่ใกล้เคียง มองเห็นเหมือนเป็นสวนในชั้นถัดไป องค์ประกอบของสวนแห่งนี้เป็นต้นแบบของการจัดสวนทั่วไปในยุคหลังจากนั้น ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีสวย ส่วนในฤดูใบไม้ผลิ คุณอาจได้เห็นดอกซากุระป่าบาน หรือแนวสนญี่ปุ่นบนเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป




สวนที่สวยงามด้วยใบเมเปิ้ลสีแดง



เดินขึ้นเนินไปสู่จุดชมวิว



บางมุมในสวน



ป่าไผ่อาราชิยาม่า


เส้นทางสายป่าไผ่แห่งอราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Groves)  เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมอันเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสัญลักษณ์แห่งอราชิยาม่า เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินราว 3 กม. ที่ปกคลุมไปด้วยป่าไผ่สองข้างทางแทงกอเสียดฟ้า ไผ่ที่เขียวครึ้มงดงามประกอบลมที่โชยเอื่อยพร้อมกับกลิ่นไผ่อันน่าหลงใหลนั้นทำให้การเดินชมป่าไผ่แห่งนี้ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นได้เป็นอย่างดีทีเดียว



ป่าไผ่อาราชิยาม่า (ถ่ายเมื่อ 2014)


บนถนนจากสะพาน Togetsu-Kyo ในยามเย็น


วันนี้เราเดินทางไกลมาตลอดวันและได้แวะเที่ยว 2 ที่ คือหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวา-โกะ จากนั้นก็ใช้ทางด่วนเข้าสู่เกียวโตโดยมีเป้าหมายที่วัดเทนริวจิเพื่อชมใบไม้แดง เสียดายเวลาที่เดินในแถวอาราชิยาม่าสั้นไปหน่อย (มืดเร็วในหน้าหนาว) เลยไม่มีเวลาไปหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น Okochi Sanso Villa (พื้นที่กว่า 12.5 ไร่ที่อยู่ตีนเขาถัดจากป่าไผ่ด้านในนั้นก็คืออดีตที่พักของโอะโคะโอจิ เด็นจิโร่ (Okochi Denjiro) (1896-1962) ดารานักแสดงญี่ปุ่นชื่อดังในยุคหนังเงียบ ภายในอาณาบริเวณนั้นงดงามไปด้วยบ้านญี่ปุ่นอันสง่างามท่ามกลางความสงบเงียบ สวนญี่ปุ่นที่จัดไว้อย่างสวยงาม หอชงชาที่รื่นรมย์ ซึ่งทุกสิ่งล้วนทำให้เราสัมผัสวิถีชีวิตที่ผสานกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดีทีเดียว ... รถไฟสายโรแมนติก Sagano Romantic Train และ Hozu-gawa River Boat Ride ล่องเรือแม่น้ำโฮะซึ ...  อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมของอาราชิยาม่านั้นก็คือการนั่งรถลากโบราณทัวร์เมือง รถลากนี้จะลากโดยชาวท้องถิ่นผู้แข็งแกร่ง (บางคนมีผู้หญิงเป็นคนลากด้วย) พาวิ่งตามถนนตลอดจนลัดเลาะตรอกซอกซอยเพื่อพาเที่ยวยังเมืองอาราชิยาม่าแห่งนี้ พร้อมกับมีไกด์ส่วนตัวซึ่งก็คือคนลากรถนั่นเองที่จะคอยให้ความรู้นำเที่ยวตลอดทาง แต่ไฮไลท์นั้นก็คือการนั่งรถลากผ่านป่าไผ่ที่ร่มรื่นซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมที่ควรลองเมื่อมาเยือน...ตลอดจนเดินเล่นในเมืองอาราชิยาม่า เมืองเล็กๆน่ารัก ก็เอาไว้คราวหน้าบ้างครับ

เราออกเดินทางขากอาราชิยาม่าไป Kusatsu เพื่อเข้าพักที่ Hotel Boston Plaza Kusatsu ใกล้ๆสถานีรถไฟ (สามารถใช้สะพานลอยเดินไปถึงได้) ซึ่งเป็นย่านกลางเมืองไม่ไกลจากทะเลสาบบิวะนัก ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมงจากอาราชิยาม่า ... สาเหตุที่เรามาพักไกลขนาดนั้น เพราะในเกียวโตช่วงที่ไปห้องพักเต็มหมด อีกอย่างห้องพักในเกียวโตค่อนข้างแพงเมื่อเทียบสภาพที่พักและราคากับแถว Kusatsu และ Otsu (โอสึ) แต่ที่โอสึก็เต็มเช่นกัน ... ถึงที่พักประมาณทุ่มเศษๆ เช็คอินเก็บของเข้าห้อง แล้วเดินออกไปหามื้อเย็นทานแถวๆห้างใกล้ๆสถานีรถไฟ ก่อนกลับมาพักเตรียมแรงไว้ลุยชมใบไม้แดงต่อในวันรุ่งขึ้น.



___ขอบคุณที่ตามชมครับ___


....ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2562 (2019) นี้ ขอให้พรอันประเสริฐและอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพบูชา จงดลบันดาลให้แฟนบล๊อกของนาย wicsir จงประสพแต่โชคดี มีความสุข ด้วยสุขภาพที่แข็งแรง และประสพความสำเร็จด้วยปราถนาจงทุกประการเทอญ...



Hotel Boston Plaza Kusatsu ที่พัก 2 คืนล่าสุดของเรา


ลาด้วยในสวน Sogenchi Garden ภาพสวนนี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: