วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เที่ยวสวิส 1 ... เตรียมตัวไปเที่ยวสวิส



บอกกล่าว... คือไม่ได้เข้ามาเขียนบล๊อกนานหลายเดือน ท่านที่เคยตามอ่านอาจจะลืมไปแล้วก้ได้


กลับมาคราวนี้จะพาไปเที่ยวสวิส แดนธรรมชาติที่แสนสวยงาม จนเป็นที่หมายตาของหลายๆท่านว่า ครั้งหนึ่งจะต้องไปเยือนที่นั่นให้ได้ ... บอกเลยนะครับว่าไปเที่ยวสวิส ไม่ยากเลยแม้จะไปด้วยตัวเองอย่างที่พวกเราไปคราวนี้ก็เช่นกัน ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพราะทางการท่องเที่ยวสวิสได้ให้ความสะดวกสะบายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้อย่างมาก เช่น Swiss Travel Pass หรือ ตั๋วเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะในประเทศ ที่สามารถใช้ได้ทั้ง รถเมล์ รถราง รถไฟ และเรือ แถมมีพ่วงด้วยการให้เช้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรีอีกหลายแห่งด้วย

การเข้าประเทศสวิส จำเป็นต้องขอวีซ่านะครับ โดยจะเป็นวีซ่าในกลุ่ม Schangen .... เรามาดูซิว่า ถ้าจะไปสวิส ต้องทำอะไรบ้าง


1. หนังสือเดินทาง (Passport) หนังสือเดินทางที่จะใช้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นเข้าสวิส ต้องมีอายุอย่างน้อย 30 วันครับ







 2. หลักฐานการจองตั๋วเครื่งบิน ที่พัก (สำหรับที่พักนี้จะต้องมีชื่อคนพักทุกคนด้วยนะครับ)

3. ภาพถ่าย 2 x 2 " จำนวน 2 ใบ

4. หลักฐานการประกันการเดินทางไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท ต่อคน

5. เงินค่าวีซ่าประมาณ 60 ยูโร และค่าธรรมเนียมของ TLScontact อีก 863 (ตรวจสอบจากเวบ TLScontact อีกครั้ง)

6. แผนการเดินทาง โดยร่างขึ้นมาคร่าวๆโดยบอกวันที่ว่าเราจะไปไหน พักที่ไหน เป็นต้น

ตัวอย่างแผนการเดินทางโดยรถไฟ


7. เอกสารทางด้านการเงิน คือหนังสือรับรองจากธนาคารและสเตทเม้นท์ 6 เดือนย้อนหลังสำหรับบัญชีของเรา และทำไว้ค้ำประกันผู้เดินทางไปกับเรา เช่นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยอีกคนละสำเนา เพื่อแสดงว่าเรามีทรัพย์สินที่เมืองไทย และให้เขามั่นใจว่าเราจะกลับมา (อันนี้ขอได้จากธนาคารครับ โดยให้เขาเทียบเป็นเงินสวิสแฟรงค์ หรือ CHF ด้วย)

8. เมื่อเอกสารพร้อมก็ยื่นผ่านศูนย์ TLScontact ประเทศไทยซึ่งเป็นตัวแทนในการแจ้งและให้คำแนะนำแก่ผู้ประสงค์จะยื่นขอวีซ่าเข้าสวิส สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://ch.tlscontact.com/th/bkk/index.php?l=th  เมื่อทางศูนย์ TLScontact รับเรื่องแล้ว จากนั้นก็รอการอนุมัติวีซ่าอีกประมาณ 6-10 วันทำการครับ



เมื่อรายการขอวีซ่าผ่านเรียบร้อย ก็มาถึงขั้นที่เราจะต้องเตรียมการในการเที่ยวในสวิสกันบ้าง
อย่างแรกเลยคือ วางแผนว่าเราจะเดินทางในประเทศสวิสกันอย่างไร เช่น เช่ารถขับเอง เช่ารถและมีคนขับ หรือเดินทางไปตามเมืองต่างๆโดยรถไฟ ของเราใช้วิธีการเดินทางโดยรถไฟ และเลือกซื้อตั๋วแบบ 8 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่เช้าวันแรกที่เราเดินทางไปถึง .... การซื้อตั๋ว Swiss Travel Pass มีหลายราคาครับ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.swiss-pass.ch/  แต่เขาจะมีตัวแทนในเมืองไทยด้วยนะครับ แนะนำให้ซื้อจากเมืองไทยไปเลย ถ้ารู้กำหนดการบินเรียบร้อย เพราะจะได้ใช้จากสนามบินเข้าเมืองได้เลย

เมื่อได้ตั๋วเสร็จอย่าลืมกรอกหมายเลข Passport และเซ็นชื่อด้วยนะครับ


ตัวอย่างตั๋วสวิสทราเวลพาสแบบ 8 วัน


ตัวอย่างบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่แถมมากับ Swiss Travel Pass




อันดับต่อมา ... การวางแผนเรื่องงบประมาณ อันนี้เป็นเรื่องของแต่ละท่านนะครับ แต่ให้นึกถึงค่าใช้จ่ายใสวิสที่แพงในอันดับต้นๆของโลกนะครับ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ตกประมาณจานละ 800-900 บาทเลยทีเดียว แต่เราก็มีวิธีเอาตัวรอดได้อยู่ดี คืออาศัย Supermarket เช่น Coop, Migros ซึ่งมีอาหารพวกแซนด์วิส อาหารกล่อง ที่ราคาถูกกว่าร้านอาหารทั่วไปมาก รวมทั้งน้ำดื่ม กาแฟ ด้วย ร้านพวกนี้จะเห็นตามสถานีรถไฟทั่วทุกแห่งครับ ไปอาศัยได้

สำหรับสกุลเงินที่ใช้ในสวิส จะเป็นเงินสวิสแฟรงค์ (Swiss Franc) ส่วนบัตรเครดิต เช่น VISA, Master card, American Express Card หรือ อย่างอื่นก็ใช้ได้โดยทั่วไป แต่อัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างสูง (เคยเช็ค ขณะที่ 1 CHF = 43 บาท ในไทย แต่เราจ่ายผ่านบัตร VISA เขาชาร์ทเรา 45 บาท/ 1 CHF) แต่ควรเตรียมเงินสดไว้บ้างครับ

ต่อมา ... ก็เสื้อผ้า อันนี้ขึ้นอยู่ว่าเราจะไปหน้าไหน เตรียมให้พอเหมาะครับ อากาศที่สวิสหน้าหนาว เอาการอยู่เหมือนกัน ตรวสอบอากาศให้ดีจากเวบ ผมใช้ผ่านมือถือตัวนี้ครับ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.droid27.transparentclockweather&hl=en ตั้งชื่อเมืองไว้แล้วตามดูทุกวัน จะได้เอาเสื้อผ้าออกจากที่พักไปได้เหมาะสม




อีกเรื่อง ... ตารางรถไฟในสวิส เขามีแบบ online ครับสะดวกต่อการวางแผนการเดินทางมาก สำหรับติดตั้งบนมือถือ เข้าไปดูได้ที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=ch.sbb.mobile.android.b2c&hl=en




ตัวอย่างหน้าเวบ SBB


รถไฟสวิส ... ในขบวนรถไฟ เราจะเห็นป้าย
SBB (Die Schwei Zerische Bundes-Bahnen) ภาษาเยอรมัน
CFF (Chemins de Fer Federaux) ภาษาฝรั่งเศส
FFS (Ferrovie Federali Svizzere) ภาษาอิตาลี

แต่รวมความแล้วคือรถไฟสวิสนั่นแหละ ... ทีนี่มาดูว่าเราจะยืนรอรถตรงไหนที่สถานี ตัวอย่างด้านล่างคือ ชานชาลาที่ 7 sektor B ในภาพถัดลงไปจะบอกว่า sektor B รถชั้นที่เท่าไหร่จะจอดตรงนั้น (ในภาพคือชั้นที่ 2)

ในภาพที่ 2 ด้านบนสุดจะเขียนว่า S33 หมายถึงรถไฟขบวนท้องถิ่น ที่ 33 ถัดไปทางขวาคือเวลาออก 10.42 และขวาสุดคือสถานีปลายทาง (Direction) บรรทัดถัดลงไปคือสถานีต่อไปที่จะจอด และบรรทัดล่างสุดคือ sektor B ก็จะมีชั้น 2และชั้นหนึ่งเข้าจอดครับ


ภายในตู้รถชั้น2


รถไฟในสวิสจะมีชนิดต่างๆคือ 

1. รถด่วน Intercity (IC) วิ่งให้บริการระหว่างเมืองใหญ่สู่เมืองใหญ่ ไม่จอดบ่อย
2. รถเร็ว InterRegio (IR) รถไฟระหว่าเมืองในภูมิภาค จอดน้อยสถานี
3. รถเร็ว RegioExpress (RE) วิ่งระหว่างเมืองในภูมิภาค ระยะทางไม่ไกลมาก จอดมากสถานีขึ้นมาหน่อย
4. Regio (R) หรือ S-Bahn รถไฟสายท้องถิ่น จอดทุกๆสถานี แต่ตรงเวลามากเหมือนกัน

รถไฟในสวิสไม่ค่อยแน่นมากเหมือนในญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะรถเยอะวิ่งถี่ก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งแม้ไม่ได้สำรองที่ไปก็ตาม ... รถไฟสวิสจะมีแค่ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เท่านั้น ในชั้นที่ 1 ที่นั่งแต่ละแถวจะมีแค่ 3 ตัว ส่วนชั้นที่ 2 มี 4 ตัว บางขบวนมี 2 ชั้น บนและล่าง) ... เวลาเลือกก็เอาตามความเหมาะสม เช่นอยากชมวิว ก็เจ้า R หรือ S-Bahn นี่แหละ ถ้าจะเอาไวๆ เช่นจาก เบิร์น - เจนีวา ก็นี่เลย IC


ขบวนรถจอดเทียบชานชาลา


ป้ายในสถานีรถไฟ


ตารางรถไฟในสถานีใหญ่ๆ


 รถไฟสองชั้น




อีกเรื่องที่สำคัญ .... คือที่ฝากกระเป๋าสัมภาระในสถานี เนื่องจากคนสวิสหรือนักท่องเที่ยวชอบเดินทางโดยรถไฟมาก บางครั้งก็ติดสัมภาระไปด้วยเพื่อสะดวกต่อการไปทำงานหรือท่องเที่ยว เช่นเดินทางถึงอีกเมืองโรงแรมยังไม่ให้เช็คอิน แต่ต้องการไปเที่ยวหรือทำธุระ ก็จำเป็นต้องฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่สถานีรถไฟ เป็นต้น

ตู้ฝากสัมภาระ หรือ Coin Locker ในสถานีรถไฟสวิสจะเป็นตู้สีน้ำเงินเมื่อเราไปถึงก็เลือกตู้ที่เปิดอยู่ และที่เหมาะกับสัมภาระเรา ถ้าตู้ขาดกลางราคาค่าฝากก็อยู่ที่ 5 CHF ต่อวัน ถ้าขนาดใหญ่ ก็ 9 CHF ต่อวันครับ

เราเลือกหาตู้ที่เปิดอยู่แล้วใส่สัมภาระเราเข้าไป ... อย่างเราเลือกตู้ใหญ่ใส่ดีๆได้กระเป๋า 24 นิ้ว 2 ใบและ 20 นิ้วอีก 1 ใบ ... เมื่อใส่ของเข้าไปเสร็จก็

1. หยอดเหรียญตามจำนวน (เตรียมเหรียญไว้ให้พอดีนะครับ) ตัวเลขดิจิตัลจะบอกเราว่าเราหยอดไปเท่าไหร่และเหลืออีกเท่าไหร่
2. เมื่อหยอดเหรียญครบ ก็จัดการปิดกุญแจ แล้วเอากุญแจติดตัวไป (ถ้าไม่หยอดเหรียญหรือหยอดไม่ครบจะปิดกุญแจไม่ได้นะครับ)
3. ถ่ายรูปตู้ไว้หน่อย กันลืมตอนมาไข


ตู้ฝากสัมภาระ


ทั้งหมดคือรายละเอียดที่ท่านต้องเตรียมตัว เพื่อจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันครับ จขบ.ยอมรับว่าผู้คนในสวิสเป็นมิตรที่ดี มีหลายๆอย่างที่เราไม่เห็นจากดินแดนอื่น แต่ที่นี่มีให้เห็น นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว บ้านเมืองในสวิสยังสะอาดสะอ้านอีกด้วย .... หวังว่าบทความนี้คงพอมีประโยชน์บ้างนะครับ.



สะพานข้ามแม่น้ำไรน์ไปเมืองเก่าที่ Stein Am Rhein



บ้านเรือนริมแม่น้ำไรน์ ที่ Stein Am Rhein

โบสถ์ซังต์ลอเรนเซ่น (St. LaurenzenKirche) เมือง St. Gallen


ทิวทัศน์ระหว่างทางรถไฟ


มัทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn)


Sphinx Observation Terrace, Jundfraughjoch.


ลานหิมะจุงฟราวยอร์ค


วิวเจนีวา


สถานีรถไฟซูริค


___________

ไม่มีความคิดเห็น: