วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

เจดีย์หินทรายวัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด


วันที่ 1 มกราคม 2560 ขณะที่หลายๆคนกำลังเดินทางท่องเที่ยว หรือบางคนกำลังสังสรรค์ ฉลองวันปีใหม่ ดีใจที่ผ่านปี 2559 มาได้ แต่เราเลือกที่จะเดินทางไปหว้พระ โดยวันนี้เลือกที่จะไปที่วัดป่ากุง หรือวัด ประชาคมวนาราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ดกัน ซึ่งนอกจากจะได้ไหว้พระ ถวายน้ำอันเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับพระและบุคคลทั่วไปแล้ว ยังจะได้ชมเจดีย์ทราย และพระเจดีย์ของหลวงปู่ศรี มหาวีโรด้วย.


แผนที่การเดินทาง


การเดินทาง : จากจังหวัดมหาสารคาม หรือร้อยเอ็ด ไปตามถนนแจ้งสนิท (หมายเลข 23) พอเลยค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า (โสกเชือก) ไปทาง ร้อยเอ็ด จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวไป อ.ศรีสมเด็จ พอถึงตัวอำเภอแล้วแยกซ้ายไปทางศูนย์ราชการ เลยไปนิดเดียวจะเป็นวัด ... ถนนลาดยางดีครับ




เจดีย์หินทราย วัดป่ากุง  หรือวัดประชาคมวนาราม ตั้งอยู่ใน อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด สิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงาม เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ ทำจากหินทรายธรรมชาติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนสถานที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ โดยจำลองแบบ การก่อสร้างมาจากบุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย โดยก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 90 ปี พรรษา 60 ที่มาของการก่อสร้างเจดีย์หิน คราวเมื่อพระเดชพระคุณหลวงปู่ศรี มหาวีโร  พระเกจิอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานชื่อดังแห่งภาคอีสานได้ไปปฏิบัติศาสนกิจจำพรรษาที่ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ พ.ศ.2531 ได้ไปนมัสการเจดีย์โบโรโดร์(บรมพุทโธ) ที่เกาะชวาอินโดนีเซีย ได้เห็นความใหญ่โตมโหฬารงดงาม  หลวงปู่เกิดความประทับใจมาก เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ได้นำเรื่องราวที่ได้ไปพบมาเล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟังและดำริว่าจะสร้างไว้ที่เมืองไทย ต่อมาในปี พ.ศ.2535 หลวงปู่ได้สั่งให้พระอาจารย์มานะอตุโลนำพระอาจารย์ศักดิ์ชัย อภิวัฒโนและนายอนุวัตร บูรณะกร(เป็ด) เดินทางไปดูรูปแบบเจดีย์โบโรโดร์(บรมพุทโธ) สถาปัตยกรรมชั้นนำ 1 ใน 7 ของโลก ซึ่งออกแบบสร้างสรรค์โดยช่างจากประเทศอินเดีย มีภาพแกะสลักที่แสดงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในสมัยพระพุทธองค์และแสดงเหตุการณ์เกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ปางต่างๆ ในอดีตชาติ และภาพแกะสลักนูนสูง นูนต่ำที่แสดงตำนานทางศาสนาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยฝีมือที่ประณีตละเอียดอ่อนมาก เพื่อนำมาเป็น แบบอย่างในการก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2547  มหาเจดีย์หินทรายสร้างด้วยแรงศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสมัครสมานสามัคคี เทิดทูนความดีที่หลวงปู่ศรีได้ประพฤติปฏิบัติและทำงานแข่งกับเวลาให้สำเร็จ เสร็จลงภายใน 2 ปี ซึ่งจัดพิธีสมโภชไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท






มหาเจดีย์หินทราย มีทั้งหมด  7 ชั้น

ชั้นที่ 1 เป็นภาพแกะสลักหินทรายเหลืองนูนต่ำเล่าเรื่องราวซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายที่พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทานบารมี
ชั้นที่ 2-3 เป็นภาพแกะสลักหินทรายเหลืองนูนต่ำ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติพระพุทธเจ้า
ชั้นที่ 4 ภาพแกะสลักหินทรายเหลืองนูนต่ำรูปชัยมงคลคาถา
ชั้นที่ 5 ผนังทรงกลมฐานรององค์เจดีย์ เป็นภาพสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน
ชั้นที่ 6 เป็นองค์เจดีย์ราย 8 องค์ และองค์เจดีย์ประธาน 1 องค์ และโดยเฉพาะชั้นที่ 7 ยอดเจดีย์ทองคำ น้ำหนักถึง 101 บาท และภายในองค์เจดีย์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจากประเทศอินเดียให้พุทธศานิกชนและนักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชา ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล













พระธาตุที่เก็บไว้ด้านในพระเจดีย์ทราย


รูปเหมือนหลวงปู่ศรี มหาวีโร








ฝั่งตรงข้ามเจดีย์ทราย ยังมีเจดีย์กลางน้ำ หรือ เจดีย์มหาวีราจริยานุสรณ์ ซึ่งสร้างเป็นที่ระลึกถึงหลวงปู่ศรี มหาวีโร รูปทรงสวยงามมาก อีกมุมหนึ่งจะเห็นศาลากลางน้ำนั่นคือกุฏิหลวงปู่ครับ

เจดีย์มหาวีราจริยานุสรณ์













กุฏิกลางน้ำที่พำนักหลวงปู่



วันนั้นหลังจากที่ได้เยี่ยมชมเจดีย์ทราย และเจดีย์เจดีย์มหาวีราจริยานุสรณ์แล้ว เราก็ได้ถวายน้ำดื่มแด่พระภิษุสงฆ์ในวัด ก่อนเดินทางกลับ

วัดป่ากุง สงบ เรียบง่าย ไม่มีสิ่งก่อสร้างมากมายนัก หลักๆก็ 2แห่งที่พาท่านไปชมมา เหมาะสมกับที่เป็นวัดป่าที่เคยมีพระเกจิอาจารย์ท่านได้มาอยู่ที่นี่ ส่วนประวัติหลวงปู่เชิญอ่านได้ที่นี่ครับ : พระเทพวิสุทธิมงคล (ศรี มหาวีโร)

ลาด้วยภาพนี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: