วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เที่ยวทะเลตะวันออกหน้าฝน 01 ... ตราด_จันท์





ไม่ได้อัพบล๊อกมาเป็นเดือนหรือสองสามเดือนแล้ว...วันนี้คิดถึงบล๊อกแก๊งค์เลยเอาทริบที่เพิ่งผ่านไปมาอัพซะหน่อยครับ

เมื่อ 1-6 สิงหาคม 2019 มีโอกาสพาคนที่รู้จักที่มาจากต่างประเทศไปเที่ยวทะเลตะวันออกของอ่าวไทย โดยเลือกที่จะอยู่บนฝั่งมากกว่าในเกาะ เพราะบ้านเราช่วงนี้เป็นฤดูมรสุม (ที่จริงแล้วอยากจะไปนอนเกาะกูดหรือเกาะหมากกัน) แต่หน้านี้เที่ยวทะเลบ้านเราเอาแค่บนฝั่งนี่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า .... จะว่าไปแล้วทะเลบ้านเราก็เที่ยวได้ทุกหน้าทุกฤดูนั่นแหละ แต่ต้องดูพยากรณ์อากาศเขาให้ดีๆ เดี๋ยวนี้เขาแม่นนะครับ

ว่ากันมายาวนานก็เอาเป็นว่า เรามีเวลากัน 1-6 สิงหาคม เราเลยวางแผนจะไปนอนเกาะช้างกันซักคืน แล้วมานอนที่จันท์ และระยอง ต่อด้วย Swiss Sheep Farm ที่พัทยา แล้วถึงเดินทางกลับขอนแก่นกัน
เราเริ่มกันเลยนะครับ..


Day 1. ขอนแก่น-ระยอง
            โปรแกรมวันนี้เดินทางไกลนิดหนึ่ง แต่เราไม่ต้องขับเองโดยเช่ารถตู้แบบที่เราเติมน้ำมันเองไป ก็สะดวกดีครับ เราจะได้พักผ่อนบนรถเต็มที่ ถึงที่เที่ยวก็ลงไปเที่ยวได้แบบไม่เหนื่อยมาก ... ออกจากขอนแก่นตี 5 ครึ่งมาแวะพักรถที่สวนสัตว์โคราช จากนั้นก็ตียาวเข้าระยอง เป้าหมายคือร้านเจ้ผึ้งซีฟู๊ดริมหาดแสงจันทร์ และจบวันที่ Hop-in ระยอง


ถนนสาย 304 ช่วงจาก อ.นาดี เข้า อ.วังน้ำเขียว ทำเป็น 4 เลนส์เกือบเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอุโมงให้สัตว์ป่าข้ามถนน สะพานช่วงขึ้นเขาที่เมื่อก่อนเป็นช่วงอันตรายมากๆก็เสร็จแล้ว ยังเหลืออีกหน่อยเดียวน่าจะไม่เกิน 4 กม.ช่วงเข้า อ.วังน้ำเขียวที่กำลังสร้างอยู่เท่านั้น ถนนช่วงอื่นขับได้สะดวกมากๆ ถ้าถนนสายนี้เสร็จสมบูรณ์จะเป็นอีกเส้นทางที่ขึ้นสู่อีสานและสามารถเชื่อมภาคตะวันออกได้ดีที่สุดเลย เพราะถนนสายนี้จะไปที่ฉะเชิงเทราและแยกไปทางมีนบุรี และชลบุรีได้ นอกจากนั้นยังแยกไปสัตหีบได้ที่เขาหินซ้อน (ผ่านสาย 331) ได้


จากสวนสัตว์นคราชสีมา




Day 2.  ระยอง - ตราด -เกาะช้าง
วันนี้เราออกเช้าหน่อยเพราะเป้าหมายต้องให้ถึงท่าเรือเฟอรรี่อ่าวธรรมชาติข้ามไปเกาะช้างก่อนเที่ยง ซึ่งระยะทางจากระยอง ถึง ท่าเรือเฟอรรี่อ่าวธรรมชาติก็ประมาณ 208 กม. ขับในหน้าที่มีฝนตกตลอดแบบนี้ก็ต้องเผื่อเวลาเบ้าง ซึ่งรวมระยะเวลาวิ่งของรถตู้ก็น่าจะประมาณ 4 ชั่วโม รวมทั้งพักเข้าห้องน้ำห้องท่าและทานอาหารบ้าง ...จากนั้นก็รอเวลาข้ามฟากโดยเรือเฟอรรี่ขนาดใหญ่ ถ้าเราเดินทางได้ตามเป้าหมายอย่างน้อยๆก็จะได้มีเวลาไปเดินเล่นชายหาด หรือเที่ยวสถานที่ต่างๆบ้าง...แต่ไปเกาะช้างคราวนี้แค่ดูบรรยากาศ ความเปลี่ยนแปลง และทานอาหารทะเลสดบ้าง เพราะจริงๆแล้วเรามาที่นี่ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งแล้ว ที่เพิ่งมาก็คือเพื่อนชาวต่างชาติเท่านั้น และนี่คือการเปิดทางเพื่อเป็นไอเดียให้พวกเขาในคราวต่อไป.
 


ท่าเรือเฟอรรี่ฝั่งเกาะช้าง


การข้ามเรือเฟอรรี่ไปเกาะช้าง.. จากท่าเรืออ่าวธรรมชาติ

ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ หรือท่าเรือเฟอร์รี่เกาะช้าง เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานสากล ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ให้วิ่งประจำทางเพียงแห่งเดียวในจังหวัดตราด ลักษณะคล้ายเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปเกาะสมุย ซึ่งจะใช้ เรือเฟอร์รี่ ขนาดใหญ่ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 300 คน และรถยนต์ ได้อีกประมาณ 40 คัน พร้อมทั้งมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยครบครัน สะดวกสบาย เพราะปัจจุบัน ท่าเรือเฟอร์รี่เกาะช้าง มีการปรับปรุงตัวเรือให้มีความทันสมัยมากขึ้น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น มีน้ำ และอาหารจำหน่ายบนเรือ ห้องน้ำปรับเปลี่ยนให้มีความสะอาดมากขึ้น และสามารถแล่นได้เร็ว เพราะทำเลที่ตั้งของท่าเรือเฟอร์รี่อยู่ในจุดที่แคบที่สุด ระหว่างเกาะช้างอ่าวสับปะรดกับฝั่ง จ.ตราดที่อ่าวธรรมชาติ เรือออกทุกๆ 45 นาที



จากท่าเรือฝั่ง จ.ตราด เที่ยวแรก เวลา 06:30น. เที่ยวสุดท้าย 19:00น.
จากเกาะช้าง เที่ยวแรก เวลา 07:00น. เที่ยวสุดท้าย 19:00น.

อัตราค่าโดยสาร (ไม่มีราคาส่วนลดสำหรับตั๋วไปกลับนะครับ)
- รถยนต์ 4 ล้อ เที่ยวเดียว 120 บาท
- คนขับรถ ผู้โดยสาร เที่ยวเดียว 80 บาท
- รถยนต์ 6 ล้อ เที่ยวเดียว 200 บาท
- รถยนต์ 10 ล้อ เที่ยวเดียว 1,000 บาท

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 - 40 นาที เรือออกจากอ่าวธรรมชาติไปขึ้นฝั่งเกาะช้างที่ท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่อ่าว สับปะรด ใกล้ๆกับ ท่าเรือด่านเก่า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 039 538 288 ถึง 9




ท่าเรือเฟอรรี่ฝั่งเกาะช้าง


วิวอ่าวสัปปะรด (ฝั่งเกาะช้าง)



ทริปนี้เราจองที่พักไว้ที่แสงตะวันรี​​​​​สอร์ท ติดหาดทรายขาว แต่ตอนไปพักจริงๆเราได้ Grand Koh Chang เจ้าของเดียวกัน แต่โรงแรมอยู่ติดถนนห่างชาดหาดเล็กน้อย โรงแรมเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ห้องกว้างขวาง แต่วันนี้เราได้ราคาต่ำกว่าครึ่ง เพราะ...1.สร้างเพิ่งเสร็จยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ 2. ยอมย้ายขึ้นมาจากแสงตะวันที่ติดหาดทรายขาว

แต่เอาเถอะเมื่อถึงเกาะช้างแล้วก็ลองนั่งรถสำรวจดูน่อย แม้ครั้งนี้ไม่ได้ไปถึงบางเบ้า (หมู่บ้านชาวประมงท้ายเกาะ) ก็ตาม แต่ก็ได้วนดูในระแวกหาดทรายขาวและอีกด้านของเกาะ เกาะช้างวันนี้เปลี่ยนไปมากมาย นี่ขนาดเป็นโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวยังพอให้เห็นทั่วไป ถ้าเป็นหน้าเที่ยวหรือไฮท์ซีซั่น ผู้คนคงมากมาย ... หาดทรายที่น่าเที่ยวก็ยังเป็นด้านตะวันตกของเกาะเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มมาคือรีสอร์ทและโรงแรมครับ.






เรานั่งรถตู้เลือกหาที่นั่งทานมื้อเย็นเหมาะๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ได้ที่นั่นแหละ ร้านอาหารของรีสอร์ท ซึ่งอยู่ติดชายหาด บรรยากาศก็ดีพอใช้ เลยนั่งฟังเสียงลมและชมละอองฝนซะจนหมดเบียร์เย็นๆไปหลายขวด จนได้ที่ก็ตุปั๊ดตุเป๋เข้าสู่ห้องพัก หลับสบายท่ามกลางสายฝนโปรยปรายจนถึงเช้า ประมาณ 9 โมงกว่าเราก็เช็คเอ๊าท์ลาเกาะช้างเพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองจันทบุรีกัน

ถึงท่าเรือเฟอรรี่หลังจากเราซื้อตั๋วครบ ก็เดินถ่ายภาพและออกจากรถตู้เพื่อไปนั่งชมวิวด้านบนของเรือ แม้ระยะทางไม่ไกลแต่เรือใหญ่แล่นได้ช้า ก็ราวๆ 11 กม/ชั่วโมง จึงต้องใช้เวลาประมาณนั้นครือ 45 นาที.

139 
Tips :  การข้ามฟากโดยใช้รถตู้ หรือรถเก๋งก็ตามแต่ เราไม่ควรนั่งในรถนะครับ เพราะเฟอรรี่แต่ละเที่ยว แต่ละลำมีที่จำกัด จอดรถก็แทบเบียดกันแล้ว ฉะนั้นเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เราไม่สามารถออกจากรถได้สะดวก ซึ่งอาจจะไม่ปลอดภัยได้ จึงขอแนะนำให้ออกจากรถ ถ้าจำเป็นจริงควรเหลือไว้เฉพาะคนขับ ... แต่ในบางประเทศ เขาให้เราลงหมดนะครับ.




หาดทรายขาวหน้าแสงตะวันรีสอร์ทในยามเช้า ที่เกาะช้าง




Day 3.  เกาะช้าง - จันทบุรี

วันนี้ตีรถกลับไปจันท์ เพื่อทำ One day trip ในเมืองจันทบุรี โดยมีแผนว่า จะเข้าไปในเมืองจันท์ ชมโบสถ์คริตส์ ชุมชนจันทรบูร วัดพระนอนหรือวัดไผ่ล้อพระอารามหลวง น้ำตกพลิ้ว และจะจบทริบวันนี้ที่ Oasis sea world ก่อนทานอาหารเย็นแถวๆชายหาดแหลมสิงห์ และเช็คอินเข้าพักที่ The Pride Hotel แหลมสิงห์ ครับ

เราเริ่มกันเลยที่โบสถ์คริตส์ หรือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ซึ่งว่ากันว่าเป็นโบสถ์คริตส์ที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงเเมือจันท์มักจะแวะมาเยี่ยเยือนที่นี่เสมอครับ.





ข้อมูล : อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
           อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (Cathedral of the Immaculate Conception) เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณริมคลองจันทบุรี ตรงข้ามชุมชนเก่าแก่จันทบูร ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วิหารปัจจุบันนี้เป็นหลังที่ 5 ซึ่งบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ทำพิธีเสกขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2452 และก่อสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล เดิมวิหารติดยอดแหลมบริเวณหอระฆังทั้ง 2 หอ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี พ.ศ. 2483 ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ทำการรื้อออกด้วยเหตุผลว่าจะเป็นเป้าทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ จนภายหลังสงครามยุติก็ได้นำมาติดตั้งอีกครั้งในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 วิหารแห่งนี้มีอายุรวมแล้วกว่า 110 ปี



อาสนวิหารนับเป็นวิหารที่อยู่คู่ชุมชนชาวจันทบูรมาช้านาน นับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 วิหารแห่งแรกได้ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวญวน 130 คน ที่หนีการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในประเทศเวียดนาม เข้ามาตั้งรกรากในปี พ.ศ. 2254 โดยมีบาทหลวงเฮิ้ต โตแลนติโน เป็นผู้ดูแลกลุ่มชาวญวนเหล่านี้ และได้ทำการก่อสร้างวิหารหลังแรกขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2273-2295 ต่อมาได้เกิดเหตุไม่สงบในหมู่บ้านทำให้คริสตชนบางส่วนเดินทางออกจากหมู่บ้าน ทิ้งวิหารจนเสื่อมโทรม จนมีการสร้างวิหารใหม่เป็นหลังที่ 2 ในปี พ.ศ. 2295 โดยบาทหลวงเดอกัวนา ในสมัยคุณพ่อมัทเทียโดเป็นอธิการโบสถ์ ได้ทำการสร้างวิหารอีกครั้งเป็นหลังที่ 3 โดยได้ทำการย้ายมาตั้งในบริเวณที่ตั้งปัจจุบัน (ฝั่งตะวันออก) ในปี พ.ศ. 2377 ในสมัยคุณพ่อรังแฟงเป็นเจ้าอาวาสได้ทำการสร้างวิหารใหม่เป็นหลังที่ 4 ในปี พ.ศ. 2398 และวิหารหลังปัจจุบันได้ทำการสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล โดยได้พิธีเสกศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2449

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล นับเป็นหนึ่งในวิหารที่มีสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นโบสถ์ระดับชั้นอาสนวิหารแห่งเดียวในฝั่งตะวันออกของไทย มีจุดเด่นที่เด่นชัดคือยอดแหลมบนหอระฆัง 2 หลัง ภายในวิหารมีการตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์ ช่องบานกระจกแบบกอทิก และกระจกงานกระจกสี นอกจากนี้ภายในยังมีแม่พระที่มีความล้ำค่า ซึ่งตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ด หรือกว่า 2 หมื่นกะรัต และฐานซึ่งหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่างๆ วิหารแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย

ที่มา :
 https://th.wikipedia.org/wiki/



จากอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เราเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งของแม่น้ำจันทบุรี เราก็จะเข้าสู่ชุมชนจีน-ญวนเก่าแก่ของเมืองจันท์ ที่เป็นตรอกและถนนเล็กๆสร้างอยู่ริมฝั่งน้ำ โดยมีตึกเก่ายุคโคโลเนียลที่กำแพงบางส่วนกระเทาะให้มองเห็นอิฐมอญที่ก่อเป็นผนัง และตึกไม้ทรงโบราณๆอยู่เป็นทิวแถว ตามบ้านยังเปิดเป็นร้านขายกาแฟ ผลไม้ และขนมที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองจันท์เลยก็ว่าได้ครับ



ข้อมูล : ชุมชนริมน้ำจันทรบูร

            ชุมชนริมน้ำจันทบรู ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีด้านตะวันตก แต่เดิมรู้จักกันในชื่อที่เรียกกันติดปากว่า "บ้านลุ่ม" ซึ่งเป็นชุมชน เก่าแก่ของชาวจีนและญวนอพยพตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมาได้พัฒนามาเป็น ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าของ จันทบุรีที่สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันคือสถานที่ท่องเที่ยว ที่หากใครที่มาเยือนจังหวัด จันทบุรี แล้วไม่ควรพลาด  มีจุดเริ่มต้นจากเชิงสะพานวัดจันทร์ เป็นแนวไปตลอดจนถึงชุมชนตลาดล่าง บริเวณที่เรียกว่าท่าเรือจ้างอาคาร ส่วนใหญ่ เป็นที่พักอาศัย และร้านค้าของชุมชนที่มีอายุเกือบร้อยปี ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะเป็นตึกแถวโบราณลวดลายไม้จำหลักอ่อนช้อย งดงาม อยู่ตามบานประตูหน้าต่างและมุมอาคาร ซึ่งจะพบรูปแบบเรือนขนมปังขิงปะปนอยู่ด้วย เพราะชาวจันทบุรีได้รับอิทธิพลจากการ ติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศเมื่อสมัย ร. 5 ลักษณะการฉลุลายของช่างฝีมือชาวจันทบุรี จัดได้ว่า มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการจำหลักฉลุช่องลม เป็นภาพจำหลัก นูนรูปหัวพยัคฆ์สอดแทรกอยู่ตามกิ่งเครือเถา หรือความคมเฉียบของลายที่แฝง ไปด้วยความอ่อนช้อย ของลายจำหลักจึงถือว่าเป็นย่านประวัติศาสตร์ของจันทบุรี  







ภาพจากชุมชนริมน้ำจันทบูร


19  ออกจากชุมชุนริมน้ำจันทบูร เราก็ไปไหว้พระนอนคู่บ้านคู่เมืองจันท์ ที่วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวงต่อครับ....วัดเก่าแก่แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2320 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2325 และโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ในปี พ.ศ. 2539 โดยมีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมากมาย เช่น
พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร เป็นพระพุทธไสยาสน์ปูนปั้นปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 32.49 เมตร ยาว 54.19 เมตร ศิลปะรัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 โดยนายมนัส กลิ่นขจร จากกรมศิลปากร และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรลงกรณสยามมกุฎ ราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีสวมพระเกศ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2531 



 
พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก


หลังจากการไหว้พระแล้วเราไปเที่ยวน้ำตกกันครับ ฝนตกๆแบบนี้การเที่ยวน้ำตกก็ห่วงอยู่อย่างเดียว คือ น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งก็ต้องลุ้นกันว่าทางอุทยานเขาจะให้เข้าไปชมได้ไหม ... น้ำตกพลิ้วอยู่ห่างจากตัวเมืองจันประมาณ 14 กม. ในเขต อ.แหลมสิงห์
วันนี้สายแล้ว ไม่มีฝนตอนที่เราไปถึง เห็นรถจอดที่ลานจอดหลายคันแล้ว จึงแน่ใจว่าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่เขาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้ การเข้าชมก็เหมือนอุทยานแห่งชาติทั่วไป ต้องจ่าค่าเข้าชม ที่น้ำตกยังมีรถกอล์ฟบริการขึ้นสู่น้ำตกด้วย โดยจะไปส่งในระยะทาง 400 เมตร จากประตู แต่ต้องเสียค่าโดยสารนะครับแต่ไม่แพง





น้ำตกพลิ้วจันทบุรี
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว (Namtok Phlio National Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย การเดินทางค่อนข้างสะดวก เพราะอยู่ห่างตัวเมืองจันทบุรีแค่ 14 กิโลเมตรเท่านั้น ภายในเขตอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดจันทบุรี คือ น้ำตกพลิ้ว ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม และมีน้ำไหลตลอดปี
น้ำตกพลิ้ว (Namtok Phlio) ประกอบด้วยลำธารสองสายที่ไหลมาบรรจบกัน ลำธารไหลผ่านซอกหินและผาสูงเป็นน้ำตกที่สวยงามน่าชม แอ่งน้ำใสสะอาด และเนื่องจากน้ำตกพลิ้วมีน้ำไหลตลอดปี บริเวณน้ำตกจึงมีปลาหลายชนิดอาศัยอยู่ อย่างเช่น ปลาพลวงหิน ซึ่งมีจำนวนมากจนเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว
ความสวยงามของน้ำตกพลิ้ว (Phlio Waterfalls) นั้นแม้แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงโปรดปราน และเสด็จประพาสหลายครั้ง อีกทั้งยังทรงให้สร้างเจดีย์ อลงกรณ์เจดีย์  (จุลศิรจุมพฏเจดีย์) ไว้ที่บริเวณหน้าผาด้านหน้าน้ำตกพลิ้วด้วย

         

คำว่า "พลิ้ว" กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่า น้ำตกพลิ้วคงจะได้ ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นในดินปนทราย น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี น้ำใสมองเห็นพื้นล่าง ส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 200 เมตร ก่อนถึงตัวน้ำตกจะมีแอ่งน้ำธรรมชาติซึ่งเป็นที่อาศัยของปลาพลวง และมีโบราณสถานที่สำคัญอยู่สองแห่ง ได้แก่

อลงกรณ์เจดีย์ สร้างด้วยศิลาแลงเมื่อ พ.ศ. 2419 โดยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วเมื่อ พ.ศ. 2417 ทั้งสองพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยในน้ำตกพลิ้วมาก จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ไว้เพื่อเป็นที่ระลึกและพระราชทานนามเจดีย์นี้ว่า "อลงกรณ์เจดีย์"

ปิรามิดพระนางเรือล่ม เป็นสถูปทรงปิรามิดสร้างด้วยหินแกรนิต เมื่อ พ.ศ.2424 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความรักที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงมีต่อพระนางเจ้าสุนันทาฯ หลังจากที่พระองค์เสด็จทิวงคตเนื่องจากเรือพระประเทียบล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในปิรามิดบรรจุพระอังคารส่วนหนึ่งของพระองค์ไว้ด้วย




ภาพจากน้ำตกพลิ้ว


จากน้ำตกพลิ้ว เราไปชมการแสดงของเจ้าโลมากันที่ Oasis Sea World กันครับ ... ในช่วงหน้าฝน มีหลายส่วนที่กำลังหยุดปรับปรุง แต่การแสดงของเขาก็ยังมีอยู่เช่นเดิมครับ ก่อนถึงรอบบ่ายสามที่เราซื้อตัวไว้ เราก็เดินชมภายใน เช่นให้อาหารปลาหมอยักษ์ (ใหญ่จริงๆ) ให้อาหารพวกกวาง ก่อนเข้ามาชมการแสดงโลมาโชว์จากครูฝึกชาวไทยครับ




ภาพจาก Oasis Sea World

วันนี้เราจบทริบที่ร้านอาหาร ชายหาดแหลมสิงห์ครับ อาหารทะเลสดๆ พร้อมเบียร์เย็นๆ ก่อนไปนอนชาร์ทแบตที่  The Pride Hotel แหลมสิงห์ เพื่อเอาแรงออกทริบต่อในวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็จะเดินทางเลียบทะเลจากจันท์ ไป ระยอง ... เราจะพาแวะเที่ยวตามที่ต่างๆไปด้วย แล้วค่อยเจอกันครับ

 19 ขอบคุณที่ติดตาม  19



​​​​​​​
ลาด้วยภาพนี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: