วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เที่ยวทะเลตะวันออกหน้าฝน 03 ... Silver lake & Swiss Sheep Farm Pattaya



กลับมาพาเที่ยวเลียบฝั่งทะเลตะวันออกต่อครับ ... และเราก็มาถึงบล๊อกสุดท้ายของทริบเที่ยวทะเลตะวันออกหน้าฝนกันแล้ว ... วันนี้จะพาไปเที่ยวแถวๆพัทยากัน สถานที่ที่จะไปคือ Silver Lake และ Swiss Sheep Farm ครับ และเราจะปิดท้ายบล๊อกด้วยการไปพักที่โรงแรมในสวิสชีพฟาร์มโฮเตลแอนด์รีสอร์ท ซึ่งอยู่ในสวิสชีพฟาร์มนั่นเอง โปรแกรมเราวันนี้จัดไม่หนักมาก เพราะต้องเตรียมตัวนั่งรถยาวจากพัทยากลับขอนแก่นในช่วงเช้าของวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ครับ.

ความเดิม...ในบล๊อกที่แล้ว หลังจากเราพักที่เกาะช้างและเที่ยวเมืองจันท์ในบล๊อกแรกแล้ว (คลิ๊กอ่าน) เราก็มาต่อด้วยการเที่ยวตามเส้นทางสายบูรพาชลทิศ หรือ Scenic route โดยแวะมาตั้งแต่ สะพานจันทบุรี วัดปากน้ำแขมหนู ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จุดชมวิวเนินนางพญา ล่องเรือคลองแสมผู้ ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส และจบทริบที่หาดแหลมแม่พิพ์ ระยอง (คลิ๊กอ่าน) ครับ .... สำหรับวันนี้ก็จะพาเที่ยวชม 2 ที่ คือ ซิลเวอร์เลค และ สวิสชีพฟาร์ม ซึ่งก็อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทยาไม่ไกลนัก ที่เที่ยวทั้ง 2 แห่งก็อยู่บริเวณใกล้ๆกันนั่นแหละครับ ตามไปชมกันดีกว่าครับ




เราออกจากที่พักที่ระยองหลังอาหารเช้า ขับประมาณชั่วโมงก็มถึงจุดแวะแห่งแรกคือ ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ของบริษัท ซิลเวอร์เลค วินยาร์ด ที่ตั้งอยู่ : 31/62 หมู่ 7 นาจอมเทีย อ.สัตหีบ ชลบุรี ... ถ้าไปตามถนนสุขุมวิท (สาย 3 เดิม) โดยจากพัทยาไปทางสัตหีบ ถึงป้ายบอกไปเขาชีจรรย์ ให้เลี้ยวซ้ายตามเข้าไปประณ 6 กม.ก็จะถึง ซึ่งบริเวณใกล้กันนั้นก็จะมีที่เที่ยวมากมายหลายที่ เช่น วัดญาณสังวราราม เขาชีจรรย์ (ติดกับไร่องุ่นซิลเวอร์เลค) สวิสชีพฟาร์ม เป็นต้น



ไร่องุ่นซิเวอร์เลค เป็นอาณาจักรทั้งผลิตและจำหน่ายองุ่นสด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น และล่าสุดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ประจำเมืองพัทยา ซึ่งเจ้าของไร่องุ่นแห่งนี้เป็นของอดีตนางเอกชื่อดัง คุณสุพรรษา เนื่องภิรมย์ สุพรรษา ที่ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ไร่องุ่นซิลเวอร์เลคให้สวยงาม นอกจากจะสามารถกินลมชมวิว สัมผัสอากาศอันริสุทธิ์ภายในไร่อุง่นซิลเวอร์เลคแล้ว ตรงข้ามไร่องุ่นยังมีร้านอาหาร ที่ทางไร่ไว้คอยบริการ นักท่องเที่ยว บรรยากากาศของร้าน สีสันสวยงามมองเห็นวิวไกลสุดตา

เข้าไปในบริเวณอาคารร้านค้าของไร่ ก็จะเป็นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากองุ่นมากมายหลายอย่าง แต่ที่นักท่องเที่ยวชอบก็คือซื้อไวน์องุ่นราคาโปรโมชั่น .... จากช้อบเราก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมไร่โดยจะมีรถราง (รถไฟฟ้าที่นั่งได้หลายๆคน) ผู้ใหญ่ราคา คนละ 70 บาท เด็ก 30 บาท ... รถจะพาไปจอดถ่ายภาพอยู่ 4 ที่ คือ ที่บ้านกังหันลม สวนดอกไม้ใกล้เขาชีจรรย์ วิวใกล้เวทีแสดงกลางแจ้ง (ตรงถังไวน์) และที่โรงงานบรรจุไวน์ ในกรณี่ที่เราซื้อบัตรราคาพิเศษก็จะได้ชิมไวน์ด้วย แต่ถ้าบัตรปกติจะได้ชิมน้ำองุ่นคนละขวดครับ

ส่วนกิจกรรมอื่นๆจะมีให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไร่ได้สัมผัสกับบรรยากาศ อันสวยงาม ของทางไร่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถม้าชมไร่ หรือขี่จักรยานเสือภูเขาลัดเลาะไปตามแนวปลูก องุ่นของไร่ หรือนั่งช้างชม บรรยากาศอันงดงาม นอกจากนั้นท่านยังสามารถสัมผัสบรรยากาศ พระอาทิตย์ตกกลางทะเลสาบ (เช็ครายละเอียดกับทางไร่อีกครั้ง) 



















การชมไร่องุ่นที่อยู่กลางทำธรรมชาติ ทำให้เราได้พักผ่อนแบบสบายๆ ในบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ... วันที่เราไปถึงเป็นช่วงหน้าฝน ไร่องุ่นยังคงเตรียมการอยู่ยังไม่ออกผลให้เห็นครับ

ต่อจาก Silver lake เราก็ไปเชคอินเข้าที่พักที่ Swiss Sheep Farm ซึ่งอยู่ถัดจากวัดเขชีจรรย์ออกมาหน่อย (ออกมาทางสุขุมวิท) เราจองห้องพักผ่านเนทเข้ามาได้ราคาค่อนข้างดีสำหรับโลว์ซีซั่นแบบนี้ เป็นห้องที่ตกแต่งในหลากหลายสไตล์ ตามแต่ละแบบของห้อง ซึ่งมีทั้งหมด 14 ห้อง เราจองไว้คือ Family Room (ดูรายละเอียด) ซึ่งกว้างใหญ่พอสมควร แต่เรานอนนกัน 2 คน โล่งดีครับ




สวิสชีพฟาร์ม ทำพื้นที่ไว้เป็นสไตล์ยูโรคันทริ มีจุดให้ถ่ายภาพสวยๆมากมาย (ดูรายละเอียด)  มีหมู่บ้านสไตล์ยูโรคัลทริอยู่ในโซนที่พักด้วย .....  ถัดจากโซนที่พักก็จะเป็นที่ถ่ายภาพ ทำกิจกรรมมากมาย
ที่นี่เขามีอหารเช้าบริการด้วย คือรวมในราคาที่พักนั่นแหละครับ อาหารเช้าเขาทำตามสั่งให้เลย ไม่ใช่แบบบุพเฟ่ท์นะครับ ซึ่่งคุณภาพถือว่าดีมาก...เราเช็คอินตอนบ่ายๆ แล้วเดินชมในฟาร์มพร้อมถ่ายภาพกันอย่างเมามัน เพราะนางแบบของเราอยากลืมอายุ 5555

ชมภาพกันไปเรื่อยๆละกันครับ.


























เหน็ดเหนื่อยจากการเดินเที่ยวชมและเก็บภาพใน Swiss Sheep Farm แล้ว เราก็ออกไปหาอาหารทะเลทานกันที่ริมอ่าวบางสะเหร่ ซึ่งบริเวณนั้นก็มีให้เลือกมากมายหลายร้านครับ เราเลือกเอาร้านที่มองเห็นวิวแบบในภาพ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ .... ทานกันจนหนำใจจนหมดไวน์และเบียร์ไปหลายขวด ก็นั่งรถตู้กลับที่พักที่ Swiss Sheep Farm Hotel พักเอาแรงไว้เดินทางไกลกลับขอนแก่นกันในวันรุ่งขึ้น ... เป็นอันว่าทริบเที่ยวเลียบทะเลตะวันออกของเราใน ช่วง 1- 6 สิงหาคม 2562 ก็จบลงโดยสวัสดิภาพ เดินทางสบายๆโดยเช่ารถตู้จากขอนแก่น ไปกัน 5 คน นั่งสบายๆชิลๆๆ โดยขากลับมีผลไม้จากตะวันออกเพียบ.

ป.ล. ที่เที่ยวใกล้ๆกันมีหลายที่ เช่นวัดญาณสังวราราม เขาชีจรรย์ ทะเลสัตหีบ หาดนางรำ หาดพัทยา ... ส่วนร้านอาหารในบริเวณใกล้ๆ ก็จะมีบางสะเหร่ บ้านอำเภอ หรือพัทยาครับ ... หาเวลาว่างๆออกไพักผ่อนกันนะครับ โดยเฉพาะช่วง Low Season อะไรๆก็ดี๊ดี ใช้จ่ายก็สะบายกระเป๋า แถมไม่ต้องแย่งคนอื่นถ่ายภาพด้วย มีความสุขมากมายครับ

132  ขอบคุณที่ตามอ่านครับ  132



วิวจากร้านอาหารที่บางสะเหร่


วิวจากร้านอาหารที่บางสะเหร่



ภาพจากร้านอาหารที่บางสะเหร่





ห้องพักแบบยูโรคเค้าน์ทริสไตล์





ตกแต่งในห้องไว้สวยงาม



ลากันด้วยภาพจาก Swiss Sheep Farm ภาพนี้ครับ



วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เที่ยวทะเลตะวันออกหน้าฝน 02 ... จันท์_ระยอง



กลับมาพบกับเพื่อนๆและแฟนๆในบล๊อกแก๊งอีกครั้งในทริปเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออกในหน้าฝน ... ความตั้งใจแรกเริ่มที่จะเขียนบล๊อกในทริบนี้ก็อยากจะให้จบในบล๊อกเดียวล่ะครับ เพราะหลังๆนี้ จขบ. เหมือนจะมีเวลาน้อยไปหน่อยในการเข้ามาเขียนเรื่องราวต่างๆในนี้ .. แต่เพราะความคิดถึงกัน คิดถึงเพื่อนเก่าแก่ในนี้ซึ่งก็มีบางท่านไปเจอหน้ากันใน FB อยู่บ้าง แต่บางท่านก็ยังไม่เจอกันเลยเอาเป็นว่ายังคิดถึงที่นี่ล่ะน่า ... ทริปนี้เลยต้องแยกเขียนเป็น 3 ช่วง 3 ตอน เพื่อให้ท่านได้เห็นบรรยากาศตั้งแต่ตราดจนถึงพัทยาแบบอิ่มๆครับ

ความเดิมในบล๊อกที่แล้วคือเราเดินทางจากขอนแก่นไปค้างที่ระยองแล้วต่อไปที่เกาะช้างในวันต่อมา จากนั้นก็ออกจากเกาะช้างในวันถัดไปเข้าเที่ยวแบบ One day trip ที่จันทบุรี โดยแวะเที่ยวที่โบสถ์คริตส์ ชุมชนริมน้ำจันทรบูร วัดพระนอน น้ำตกพลิ้ว Oasis Sea World และจบทริบที่ The Pride Hotel แหลมสิงห์

วันนี้เราจะเดินทางจากจันท์ เข้าระยอง เลียบตามเส้นทาง
บูรพาชลทิศ (scenic route) ส่วนจะพาแวะที่ไหนบ้าง ตามไปชมกันครับ.




ปากน้ำจันทบุรี


บนสะพานจันทบุรี

เราออกจากแหลมสิงห์หลังอหารเช้า เพื่อขับตามเ้นทางบูรพาชลทิศ ข้ามแม่น้ำที่สะพานจันทบุรีในบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น เห็นรถเขาจอดถ่ายภาพ เราเลยเอาบ้าง ... ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรีมีเรือประมงเข้าจอด บางลำติดน้ำตื้นอยู่เพราะเป็นช่วงน้ำลง ด้านขวาของปากแม่น้ำเป็นโบสถ์สีขาว ส่วนเลยสะพานด้านในเป็นกระชังปลามากมาย ดูแล้วเพลินดีครับ .... แม่น้ำจันท์วันนี้แม้จะออกสีขุ่นนิดๆ แต่ยังไงๆก็ยังดูสวยงาม.



จากสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี เรามาแวะไว้พระทำบุญที่วัดปากน้ำแขมหนู ซึ่งวันนี้พระอุโบสถกลายเป็นสีน้ำเงินเนื่องจากประดับด้วยกระเบื้องเซรามิคแล้ว ... เราเข้าไปไหว้พระและทำบุญซื้อกระเบื้องถวายวัดเพื่อทำหลังคาโบสถ์ (ในวันที่เราไปถึงหลังคายังคงสีแดงอยู่) เดินเข้าไปชมโบสถ์ด้านในซึ่งเป็นภาพปูนนูนขึ้นมาจากผนัง

ข้อมูล : วัดปากน้ำแขมหนู
วัดปากน้ำแขมหนู เป็นวัดเก่าแก่ของจันทบุรี ตั้งอยู่ในชุมชนประมง ริมทะเล การสร้างโบสถ์หลังปัจจุบันแทนโบสถ์หลังเก่าที่ชำรุดจากสภาพแวดล้อมริมทะเลที่ทำให้เกิดการผุกร่อนได้ง่าย จึงเกิดเป็นโบสถ์สีน้ำเงินขึ้น ที่ทำมาจากกระเบื้อง งานเซรามิกที่ผสมสีลงไปด้วยเสร็จ เป็นงานเซรามิกโบราณที่ใช้สีพื้นเพียงสองสี งานสร้างใหม่ที่ออกมาคลาสสิกสวยงามแปลกตา ทั้งยังแข็งแรงทนต่อสภาพแวดล้อมริมทะเล มาเที่ยวเมืองจันท์ เที่ยวทะเลแวะเที่ยวปากน้ำแขมหนู มีทั้ง จุดชมวิวปากน้ำแขมหนู ที่สวยงาม สะพานเฉลิมพระเกียรติ , ทะเลแหวกปากน้ำแขมหนู ธรรมชาติที่สร้างให้ได้เห็น เพิ่มความเป็นสิริมงคล ต้องมากราบสักการะพระประธานที่…โบสถ์สีน้ำเงิน…ที่วัดปากน้ำแขมหนู

สถานที่ตั้ง : วัดปากน้ำแขมหนู ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี




วัดปากน้ำแขมหนู
จากวัดปากน้ำแขมหนู เราเดินทางต่อไปทางหาดเจ้าหลาวโดยมีจุดแวะที่ "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"  ที่ ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีเนื้อที่รอบชายฝั่งประมาณ 2,000 ไร่ .... เช้าๆแบบนี้เหมาะที่จะเดินออกกำลังกาย สูดอากาศดีๆในป่าชายเลนในศูนย์แห่งนี้ยิ่งนัก 






ศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งนี้ได้เริ่มก่อตั้งตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดทำโครงการพัฒนาด้านอาชีพการประมง และการเกษตรในเขตพื้นที่ดินชายฝั่งทะเลจันทบุรี โดยได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง การส่งเสริมและ พัฒนาอาชีพราษฎรของศูนย์ฯ คุ้งกระเบน โดยได้ส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลนและรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้ เกิดประโยชน์สูงสุด

พื้นที่โดยรอบของป่าชายเลน มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ จัดทำขึ้นนั้น มีระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินชมประมาณ 45 นาที – 1ชั่วโมง  เป็นสะพานไม้ระแนง ทอดยาวเข้าไปในดงป่าชายเลน  ซึ่งในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีพรรณไม้หลากหลายชนิด เช่น โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ โปรงแดง ป่าสักดอกแดง ป่าสักดอกขาว ลำพูทะเล แสมทะเล เป็นต้น ต้นไม้แต่ละชนิดจะมีป้ายบอกชื่อ ลักษณะ และสรรพคุณของไม้นั้นๆ ไว้ด้วย  รวมถึงเราจะได้เห็นสัตว์น้อยแห่งป่าชายเลน อย่างเช่น ปลาตีน ปูแสม วิ่งไปมา รวมถึง บรรยากาศในการเดินชมค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมตลอด 2 ข้างทาง

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรี ได้รับรางวัลสถานที่ท่องเที่ยวดีเด่น ในปี พ.ศ. 2545 จากองค์กรอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดเยี่ยมเชิงพัฒนาและการวิจัย สอนให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ สภาพนิเวศและป่าชายเลน ริมชายฝั่งของจังหวัดจันทบุรี

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก :
 https://www.paiduaykan.com/province/east/chanthaburi/aokhungkraben.html





จากศูนย์พัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เราไปต่อที่ จุดชมวิวเนินนางพญา ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ... จุดแวะแห่งนี้กลายเป็น Destinations ของนักท่องเที่ยวที่มาจันท์ไปแล้วในตอนนี้ ใครมาจันท์ไม่ได้แวะตรงนี้ก็เหมือนยังไปไม่ถึงจันทบุรียังไงยังงั้น ด้วยวิวถนนที่โค้งไปตามชายทะเลและภูเขาทำให้กลายเป็น "S" ที่สวยงาม ยิ่งวันใดที่อากาศดีๆ เราจะได้ภาพท้องฟ้าสีครามตัดกับน้ำทะเลสีเข้มและโค้งของถนนที่สวยงามครับ บนจุดถ่ายภาพและชมวิวด้านบนเป็นลานไม่กว้างมากนัก นักท่องเที่ยวจะไปเข้าคิวกันเก็บภาพที่ระลึกในมุมที่มองเห็นถนนกันจนบอกได้ว่าคิวเต็มครับ ริมๆถนนจุดชมวิวจะมีที่จอดรถ แต่ถ้าเต็มคุณๆก็สามารถขับเลยไปจอดด้านล่างซึ่งเป็นที่ของเอกชนได้ แต่มีค่าใช้จ่ายนิดหน่อยครับ

 เนินนางพญาตั้งอยู่ระหว่างหาดคุ้งวิมาน และอ่าวคุ้งกระเบน สามารถมองวิวทะเล ชมพระอาทิตย์ตกสวยมาก และชมความงามของถนนโค้งเลียบชายทะเลที่สวยงามอีกด้วย






จากเนินนางพญาเราไปต่อที่ "ทุ่งโปรงทอง คลองแสมผู้" ปากน้ำประแส อ. แกลง จ.ระยอง ... ซึ่งเป็นทุ่งโปรงทองที่สวยงามมาก

เมื่อเราขับเข้าสู่ชมชนปากน้ำประแสให้สังเกตุป้ายด้านซ้ายข้างวัด ตรงโค้งให้ดี เพราะทางเลี้ยวเข้าทุ่งโปรงทองนั้นค่อนข้างแคบ จากนั้นก็ขับไปจนถึงที่จอดซึ่งมี 2 แห่งค่าจอดรถคันละ 20 บาท แล้วนั่งสามล้อพ่วงเข้าไปอีกคนละ 5 บาท หรือถ้าอยากเดินก็ได้เพราะไม่ไกลนัก ... ถึงจุดทางเข้าและท่าเรือพร้อมกัน เราเลือกที่จะนั่งเรือชมวิวตามคลองแสมผู้ก่อนเดินชมทุ่งโปรงทอง ค่านั่งเรือคลละ 60 บาท เรือจะพาเราออกสู่ปากน้ำครับ ในวันที่เรา 5 คนเข้าไปน้ำในคลองลงสุดๆ ซึ่งก็ดีไปอย่างจะได้เห็นคนขับเรือเขาใช้ประสพการณ์ของเขาพาเรือไปในยามที่น้ำลงสุดๆเช่นนี้ครับ







การนั่งเรือชมธรรมชาติคลองแสมผู้ นับว่าได้ประสพการณ์ที่ดี คือ ได้สูดอากาศที่ดีๆ ได้เห็นนกต่างๆในป่าชายเลน การใช้ชีวิตของผู้คนบริเวณนั้น เช่นการหาปลาในคลอง การเลี้ยงหอยแมลงภู่ และชมปูก้ามดาบที่ลานซึ่งเรือจะจอดให้เราลงไปชมปูก้ามดาบอย่างใกล้ชิด ... ตรงปลายทางที่ชายทะเล (ปากน้ำ) จะมีจุดถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยวด้ว

ขากลับรานั่งเรือมาลงที่หน้าศาลเจ้าพ่อแสมผู้ แล้วเดินตามสพานไม้ระแนงไปสู่ทุ่งโปรงทอง ซึ่งคือไฮไลท์ของที่นี่ว่ากันว่าเป็น UNSEEN THAILAND และเป็นทุ่งโปรงทองที่สวยที่สุดในประเทศไทยด้วย
















เมื่องล่องเรือในคลองแสมผู้ในวันที่น้ำลงแล้ว เรามาขึ้นเรือที่หน้าศาลเจ้าพ่อแสมผู้เพื่อเดินตามสะพานไม้ผ่านป่าชายเลนไปสู่จุดชมวิวในทุ่งโปรงทอง ระยะทางไม่ไกลนัก พอเข้าสู่ทุ่งโปรงทองเราจะเห็นป่าโปรงทองที่ใบออกเขียวและเหลืองสลับกัน (ขึ้นกับฤดูที่เราไปชม) กว้างใหญ่สวยงามมาก มีแท่นให้ยืนหรือนั่งชมวิวทุ่งโรงทอง 1 แห่ง และศาลาหลบแดดหลบฝนตรงสะพานทางเข้าอีก 1 แห่ง.

ทุ่งโปรงทอง  ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส อำเภอแกลง มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ซึ่งแต่เดิม เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำการประมง เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตร ทำสวนผลไม้ จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณนี้ ได้ถูกทำลาย และสิ่งแวดล้อมป่าชายเลนเสื่อมโทรมลง เทศบาลตำบลปากน้ำประแสได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่พัฒนาป่าชายเลนผืนที่ใหญ่ที่สุดของจ.ระยอง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์และศึกษาเรียนรู้ควบคู่กันไป โดยสร้างสะพานเดินศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทุ่งโปรงทอง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน ได้เห็นความสวยงามตามธรรมชาติของป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้ริมชายฝั่ง จุดเด่น คือต้นโปรงที่ขึ้นหนาแน่นอยู่เต็มพื้นที่สะท้อนสีเขียวอ่อน จนกลายเป็นทุ่งโปรงทองที่สวยงามแปลกตา

การเข้าไปชมทุ่งโปรงทองรวมทั้งล่องเรือคลองแสมผู้ จะต้องนำรถไปจอดไว้ที่จุดจอดรถ ซึ่งมีให้บริการ 2 แห่ง โดยเสียค่าบริการคันละ 20 บาท จากนั้นนั่งรถสามล้อชาวบ้านเข้าไปยังจุดเริ่มเดินเท้าเข้าชมทุ่งโปรงทองโดยเสียค่าบริการคนละ 5 บาท/ เที่ยว











จากทุ่งโปรงทอง เราออกไปหาอะไรทานกันในช่วงบ่ายๆที่แหลมสนหาดปากน้ำประแส ชายหาดแห่งนี้สงบ เงียบ มีที่ให้ชม เช่น อนุสรณ์เรือรบหลวงประแสศาลกรมหลวงชุมพรฯ หรือ “เสด็จเตี่ย"  จุดชมวิวแหลมสน สะพานประแสสิน วัดตะเคียนทองเป็นต้น  จากนั้นก็เดินทางต่องแหลมแม่พิมพ์ ระยองกัน


สะพานประแสสิน


จุดชมวิวแหลมสนในวันที่ฟ้าหลัว

เรามานั่งพักชมวิวชายทะเลระยองที่แหลมแม่พิมพ์ ก่อนค่อยๆเลาะชายทะเลไปบ้านเพ และเข้าระยองและจบทริบประจำวันที่ Hop In ระยอง ชาร์ทแบตเอาแรงเดินทางต่อไปพัทยาในวันต่อไป เป้าหมายคือ Silver Lake และ Swiss Sheep Farm และพักที่ สวิสชีพฟาร์มโฮเต็ลกัน


284 ขอบคุณที่ตามอ่านครับ 284







ลาด้วยภาพชายหาดแหลมแม่พิมพ์หน้าฝนครับ