อ่าน : เชสเตอร์หน้าร้อนอัพบล๊อกวันนี้จะพาคุณๆขับรถเที่ยวอังกฤษในหน้าหนาวต่อ หลังจากที่บล๊อกก่อนหน้านี้เราพาไปเที่ยวเมืองอ๊อกฟอร์ด และเมืองสแตรทฟอร์ดอะพอนเอวอน เมืองบ้านเกิดของ วิลเลี่ยม เชคส์เปียร์ จินตกวีและนักแต่งเรื่องละครชื่อดังของอังกฤษมาแล้วครับ.... เช้าวันที่ 9 ธันวาคม 2017 เราก็ขับขึ้นเหนือต่อ โดยมีเป้าหมายที่เมือง Chester เมืองติดทะเลแอตแลนติค ด้านตะวันตกของเมืองลิเวอร์พูล ที่เรารู้จักกันดีครับ มาเมืองเชสเตอร์เพราะอยากเดินเล่นบนกำแพงเมืองเก่าที่แทรกตัวอยู่ในเมือง ซึ่งว่ากันว่าที่นี่คือกำแพงเมืองที่ยังคงรักษาไว้อย่างดี เช่นเดียวกับเมืองยอร์ค
บ้านเรือนที่เมืองเชสเตอร์ผนังสีขาวแต่งด้วยลายไม้สีน้ำตาลไหม้
เราออกจากเมือง Stradford upon Avon ประมาณ 10 โมงเช้า ขับขึ้นเหนือไปตามถนนสายรอง ซึ่งข้างๆถนนเต็มไปด้วยหิมะซึ่งตกเมื่อคืนวานนี้ พอเข้าใกล้ๆเมืองก็มีฝนลงมาพอประมาณครับ เราถึงที่พักที่เมืองเชสเตอร์ประมาณบ่าย 3 โมง ก็เข้าไปเชคอินที่ Hamilton Court แต่กว่าจะหาที่จอดรถได้เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ แต่เขาบอกว่าเราจะได้พักที่บ้านตรงข้ามชื่อ Westleigh Lodge ซึ่งเป็นคล้ายๆ Home Stay มีเจ้าของบ้านอาศัยอยู่ชั้นล่าง ส่วนชั้นบนทำเป็นห้องไว้ให้คนเช่า ซึ่งก็อบอุ่นดีนะครับ แล้วจะได้เล่าให้อ่านตอนท้ายๆบล๊อก
สีสันและสไตล์บ้านในเมืองเชสเตอร์
คลองในเมืองเชสเตอร์
เราจอดรถเข้าที่ไว้ที่หลัง Hamilton Court เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ชวนกันเดินเข้าเมือง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที ข้ามคลอง (Shropshire Union Canal Main Line) ที่มองเห็นด้านบน แล้วผ่านสถานีขนส่ง แล้วเข้าถึงเมืองในที่สุด ก็ไม่ไกลมาก แต่ในสภาพอากาศเย็นๆแบบนั้นก็ทำให้เราหนักเอาการอยู่เหมือนกัน ... เราเคยมาที่เมืองนี้ในหน้าร้อนเมื่อปี 2016 แต่ไม่ได้เดินเที่ยวบนกำแพงเมืองเก่า แค่เดินชมเมืองบนถนน East Street และเดินชมรอบๆวิหารเมืองเชสเตอร์ แล้วไปพักที่เมืองลิเวอร์พูล ซึ่งอยู่ไกลจากเมืองนี้นัก
ในเมืองเชสเตอร์
เชสเตอร์ (Chester)
เป็นนครในมณฑลเชชเชอร์ ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำดี (River Dee) ใกล้กับชายแดนของเวลส์ มีประชากร 118,925 คน ได้รับสถานะเป็นเมืองในปี ค.ศ. 1541 เชสเตอร์มีอาคารในยุคกลางหลายแห่ง แต่มีบางอาคารบริเวณกลางเมืองที่ได้รับบูรณะในสมัยวิกตอเรีย เชสเตอร์เป็นหนึ่งในเมืองที่มีการรักษากำแพงเมืองที่ดีที่สุดในอังกฤษ...สถาปัตยกรรมหลายแห่งในเชสเตอรได้รับอิทธิพลมาจากโรมัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งเมืองนี้เมื่อประมาณ ค.ศ. 79 ครับ
(อ่านเพิ่มเติม)
สิ่งหนึ่งที่เห็นทางด้านสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนที่นี่ คือสีลวดลายขาว-ดำ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่เรียกว่า "Tudor Revival architecture" เป็นการใช้ไม้ตกแต่งแล้วทาสีขาวดำอย่างที่เห็นครับ ... ส่วนมากจะเป็นห้างสรรพสินค้า และโรงแรมที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ครับ
สิ่งหนึ่งที่เห็นทางด้านสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนที่นี่ คือสีลวดลายขาว-ดำ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่เรียกว่า "Tudor Revival architecture" เป็นการใช้ไม้ตกแต่งแล้วทาสีขาวดำอย่างที่เห็นครับ ... ส่วนมากจะเป็นห้างสรรพสินค้า และโรงแรมที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ครับ
ใจกลางเมืองเชสเตอร์
บนกำแพงเมืองเก่าเมืองเชสเตอร์ด้านหลังวิหาร
กำแพงเมืองเก่าแทรกอยู่ในเมืองยุคใหม่
บนกำแพงเมืองเก่าเมืองเชสเตอร์
กำแพงเมืองเก่าแทรกอยู่ในเมืองยุคใหม่
หอนาฬิกาที่ถนน East Street ย่านคนเดินของเมือง
ตรง East Street ที่สะพานด้านบนที่เชื่อมต่อกับกำแพงเมือง (City Wall) มีนาฬิกาเรือนใหญ่ตั้งเด่นให้เห็นแต่ไกลเรียกว่า East Gate Clock ถ้าเราสังเกตดีๆจะเห็นตัวอักษร VR อยู่ด้านบน และเลข 18 อยู่ด้านซ้าย และ 97 อยู่ด้านขวา ซึ่งความหมายทั้งหมดคือ นาฬิกาเรือนนี้สร้างขึ้นในวโรกาสที่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรียครองราชย์ครบ 60 ปี (Diamond Jubilee) เมื่อปี คศ. 1897 ครับ ... และถือว่าเป็นไฮท์ไลท์ของเมืองเลยก็ว่าได้ บนถนนเขาจะกันรถไม่ให้เข้านอกจากรถที่จำเป็นจริงๆ เช่นรถพยาพบาล เป็นต้น
The north side of Eastgate Street painted by Louise Rayner. On the far right is the 17th century Boot Inn
(Cr : en.wikipedia.org)
Chester Town Hall (ซ้าย)
วิหารเมืองเชสเตอร์ (Chester Cathedral)
จะว่าไปแล้ว เมืองเชสเตอร์นี่ก็เป็นหนึ่งเมืองที่คนในประเทศเขาชอบมาพักผ่อน ช้อปปิ้ง อีกเมืองหนึ่งนะครับ .... วันนี้เราเน้นมาเดินเที่ยวกัน ก่อนเดินฝ่าอากาศที่หนาวเย็นกลัยที่พักที่ Hamilton Street และอาศัยไอร้อนในห้องเพื่อผ่อนคลาย คืนนั้นหิมะดูเหมือนจะลงตั้งแต่สี่ทุ่มไปจนเกือบสว่าง พอตื่นขึ้นมาเห็นขาวโพลนไปหมด ซึ่งคนที่นั่นบอกว่าอากาศปีนี้เลวร้ายมากๆในรอบหลายๆปีเลยทีเดียว
คืนนี้พักที่นี่
มีเรื่องประทับใจกับชาวเมืองเชสเตอร์เมื่อมาพักที่นี่ Westleigh Lodge ซึ่งที่นี่เป็นบ้านที่ดัดแปลงมาเป็นที่พัก ถ้าเทียบกับบ้านเราก็คือโฮมสเตย์ดีๆนี่เอง แต่ที่นี่เขาจัดการห้องพักบนชั้น 2 เป็นห้องพักหลายห้อง เจ้าของเป็นคุณป้าและคุณลุง ตอนเข้าไปถึงลุงแกออกมารับกระเป๋าเรา แต่เราเห็นสภาพแล้ว บอกว่าไม่ต้องหรอก เราช่วยเอาขึ้นไปเองได้ แต่แกก็ไม่ยอมทั้งๆที่มีปัญหาเรื่องเข่าเจ็บ เราถามว่าคุณเป็นผู้จัดการที่นี่เหรอ ลุงแกบอกว่าไม่ใช่หรอก เป็นลูกจ้างเขา เจ้าของตัวจริงคือคุณภรรยา เราก็บอกลุงว่าโลกนี้เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ลุงแกหาอะไรมาให้เราแบบเป็นคนในบ้านเลย แถมยังบอกว่าอยากได้อะไรเรียกได้ตลอด ... ในตอนเช้าเราถึงเห็นป้ามาทำอาหารเช้าให้เรา ซึ่งในห้องอาหารก็น่ารักอบบอุ่นมากๆ ก่อนจากกันในตอนเช้าเราขอให้ลุงแกรักษาสุขภาพและให้พระเจ้าคุ้มครอง แค่นั้นและแกเข้ามาโอบกอดพร้อมอวยพรให้เราเดินทางปลอดภัยจนถึงเมืองไทย ในดวงตาสีเทาคู่นั้นเหมือนกำลังมีน้ำตาคลออยู่ ... เมื่อสังคมที่พัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง ลูกเต้าเขาก็ออกเรือนไปอยู่ต่างหาก คนสูงอายุจึงต้องเฝ้าบ้านอยู่เพียงลำพัง ซึ่งไม่กี่ปีต่อจากนี้ไปเมืองไทยก็คงเป็นเช่นนั้น
ที่พักที่จองไว้
เตรียมรถก่อนเดินทาง
เช้าวันที่ 10 ธันวาคม 2017 อากาศเย็นมากเพราะหิมะตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา เราต้องวอร์มอัพรถนานหน่อย ก่อนออกเดินทางไปเมือง Lancaster ซึ่งเราจองที่พักไว้ที่นั่น แต่ระหว่าทางเราจะแวะเมือง Blackpool หน่อยครับ การเดินทางในอังกฤษวันนี้ยังคงต้องระมัดระวังมากๆเช่นเดิม เพราะผู้รู้บอกว่าหิมะในอังกฤษตกหนักในรอบหลายปีเลยล่ะ .... แล้วเจอกันใหม่ในบล๊อกหน้านะครับ.
💘💘💘ขอบคุณที่ติดตามครับ💘💘💘
ลาเมืองเชสเตอร์ด้วย 2 ภาพนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น