บล๊อกก่อนหน้านี้เราพาคุณๆไปนั่งรถไฟแบบฟันเฟืองหรือ Cogwheel ขึ้นไปยอดเขาจุงฟราวมานะครับ แฟนบล๊อกนาย wicsir คงได้ชมภาพมากมายจนจุใจ (แม้จะไม่สวยนัก)
สำหรับบล๊อกนี้ก็เดินทางมาถึงบล๊อกสุดท้ายในการเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงเดือนพฤษจิกายน ปี 2017 แล้วนะครับ เราจะพาคุณไปชมบางส่วนของ กรุงเจนีวา (Geneva) และเมืองโลซานน์ กันครับ...บล๊อกนี้ลงพร้อมกัน 2 เมือง จึงใส่ภาพไว้ค่อนข้างมาก...และเราก็จะ พาชมเจนีวา ก่อนครับ
เช้าวันที่ 29 พ.ย. 2017 เราวางแผนการเดินทางไว้ว่า จะไปเที่ยวเจนีวาในช่วงเช้า โดยนั่งรถไฟขบวน IC ไปลงที่กรุงเบอร์น แล้วต่อขบวน IR เพื่อไปลงกรุงเจนีวา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุดจากเวปไซต์ SBB หรือการรถไฟสวิส ... จากนั้นจึงจะต่อรถจากกรุงเจนีวาไปเมืองโลซานน์ ซึ่งตั้งอยู่ริททะเลสาบเจนีวาเช่นเดียวกัน ระยะทางก็ไม่ไกลนัก จึงเหมาะที่จะเดินเที่ยวริมทะเลสาบเจนีวาทั้ง 2 เมืองได้ภายในวันเดียว ส่วนแผนการเดินทางหรือตารางของรถไฟก็ตามด้านล่างนั้นเลยครับ
แผนการเดินทางโดยรถไฟ
บนสะพาน Mount Blanc
เราเดินทางได้ตามแผน แม้ช่วงเช้าแบบนั้นการเดินทางเข้ากรุงเบิร์นจะเจอผู้คนมากมาย แต่เนื่องจากรถไฟสวิสมีให้เลือกมากมาย และออกในระยะเวลาที่ไม่ห่างกันมากนัก เส้นทางที่ผ่านอาจจะแตกต่างกัน แต่ระยะเวลาจากเมืองสู่เมืองเดียวกันก็ใกล้เคียงกัน .... ฉะนั้นการเดินทางจากเมืองสู่เมืองในสวิสโดยรถไฟจึงง่ายและสะดวกมากๆ
ถึงสถานีเจนีวา เราลงรถแล้วเดินออกถนนใหญ่ Rue Du Mont-Blanc สู่ทะเลสาบเจนีวา โดยผ่านสะพาน Du Mont-Blanc เพื่อไปที่สวนชาร์แดงอองเกล (Jadin Anglais) ซึ่งสวนนี้ก็อยู่ริมทะเลสาบนั่นเองครับ...ในหน้าใบไม้ร่วงและเข้าสู่ช่วงหนาวเย็นแบบนี้ บรรยากาศริมทะเลสาบดูเหมือนจะออกสีทึมๆไปนิด อาจจะเป็นเพราะมีเมฆฝนจำนวนมากกำลังก่อตัวเหนือทะเลสาบก็เป็นได้
ในสวนชาร์แดงอองเกลมีสิ่งที่สะดุดตานักท่องเที่ยวอยู่ 2 อย่างคือ อนุสาวรีย์แห่งชาติ (Monument National) เป็นรูปปั้นเทพี 2 องค์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การที่เจนีวาเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาพันธรัฐสวิสในปี ค.ศ.1814 ส่วนอีกอย่างคือนาฬิกาดอกไม้ที่อยู่ด้านถนน .... ไกลออกไปในทะเลสาบจะมองเห็นน้พุเจ็ตโดสัญลักษณืของเจนีวากำลังพุ่งขึ้สู่เหนือน้ำอย่างโดดเด่น.
น้ำพุเจ็ตโด
เจนีวาถือเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของโลก โดยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน, ศูนย์กลางทางการทูต เจนีวาถือเป็นเมืองที่มีองค์กรระหว่างประเทศตั้งอยู่มากที่สุดในโลก ในบรรดาองค์กรเหล่านี้อาทิ หน่วยงานของสหประชาชาติและกาชาดสากล เป็นต้น ในปี 2017 เจนีวาได้รับการจัดอันดับโดย Global Financial Centres Index ให้เป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินอันดับ 15 ของโลก และเป็นที่ 5 ของทวีปยุโรป รองจากลอนดอน, ซือริช, แฟรงเฟิร์ต และลักเซมเบิร์ก และยังได้รับการจัดอันดับโดย Mercer's Quality of Living index ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลกในปีเดียวกัน
ริมทะเลสาบเจนีวา
บนสะพาน Du Mont Blanc
ริมทะเลสาบเจนีวาด้านสถานีรถไฟ
ทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์และมีบางส่วนอยู่ในเขตประเทศฝรั่งเศส มีพื้นที่ 582 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรปกลางรองจากทะเลสาบบาลาต้นในประเทศฮังการี เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญคือเมืองเจนีวา เมืองโลซานน์ เมืองมองเทอซ์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ทะเลสาบเจนีวา มีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า ทะเลสาบเลม็อง (Lac Léman)
ริมทะเลสาบ
หน้าอนุสาวรีย์แห่งชาติ
นาฬิกาดอกไม้ที่สวนชาร์แดงเกล
เดินข้ามถนนไปหน่อยก็จะเป็นถนนสายเดิมๆในย่านเมืองเก่า มีรางรถรางที่ยังใช้ได้ผ่านกลางถนน สองฟากฝั่งถนนมีร้านขายสินค้าเมดอินสวิสมากมาย ... ข้ามถนนไปก็จะเห็นยอดโบสถ์สีเขียวออกฟ้าสูงเด่นอยู่ ซึ่งก็คือ "มหาวิหารแซงต์ปิแอร์" เราสามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้ แต่ถ้าจะขึ้นบันได 157 ขั้นขึ้นไปชมทัศนียภาพมุมสูงของเมืองก็ต้องจ่ายคนละ 5 CHF ซึ่งก็คุ้มนะครับ ด้านบนนั้นยังเป็นพื้นไม้ ส่วนระเบียงชมวิวเป็นคอนกรีต สามารถเดินชมได้โดยรอบหอคอย.
ถนนย่านเมืองเก่าเจนีวา
มหาวิหารฉซงต์ปิแอร์ (Cathedrale St. Pierre)
" มหาวิหารแซงต์ปิแอร์ หรือ โบสถ์เซ็นต์ปีเตอร์ ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาหลายครั้ง วิหารที่เห็นในปัจจุบันจึงผสมผสานด้วสถาปัตยกรรมหลายยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นแบบนีโอคลาสสิคในสมัยศตวรรษที่ 18 ของหน้าวิวหารด้านทิศตะวันตก หอคอยแบบโกธิคและอาคารแบบโรมาเนสก์ มีเสาหินโรมันค้ำพยุงหลังคาด้านบนไว้โดยมียอดปลายแหลมโผล่ขึ้นไปเหนือหลังคา ดูๆไปก็เหมือนนำเอาสิ่งก่อสร้างต่างยุคมาประกอบเข้าด้วยกัน
เดิมทีวิหารแซงต์ปิแอร์เป็นวิหวรในนิกายโรมันคาทอลิก และเปลี่ยนมาเป็นวิหารของโปรแตสแคนต์ในปี 1536 ภายหลังการปฏิรูปศาสนา ทำให้ของประดับตกแต่งภายในวิหารถูกทำรายไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้าก็คือหน้าต่างกระจกสีเท่านั้น ภายในจึงเรียบง่ายตามสไตล์ของวิหารโปรแตสแตนต์ทั่วไป".....(ที่มา : ใครๆก็ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ โดย อดิศักดิ์ จันดวง)
วิวเจนีวาจากชั้นบนหอคอย
จากมหาวิหารแซงต์ปิแอร์ในใจกลางเมืองเก่า เราเดินกลับมาที่ฝั่งทะเลสาบเจนีวาเพื่อกลับไปสถานีรถไฟอีกครั้งเพื่อนั่งรถต่อไปที่เมืองโลซานน์...ที่จริงในเมืองเก่าเจนีวามีพิพิธภัณฑ์และสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย รวมถึงการเดินเล่นแถวสองฟากฝั่งแม่น้ำโรน (แม่น้ำนี้ไหลผ่านเมืองและมีต้นกำเนิดที่ทะเลสาบเจนีวา) แต่เรามีเวลาแค่วันเดียวที่จะต้องไปเยือนบางจุดในสองเมืองริมฝั่งทะเลสาบเจนีวาให้ได้ก่อนค่ำ ฉะนั้นบ่ายนี้จึงต้องเดินทางต่อไปที่โลซานน์...เจนีวาแล้วพบกันใหม่นะ.😊
วิวทะเลสาบเจนีวาในมุมสูง
💗💗💗💗
โลซานน์ (Lausanne)
เราออกเดินทางจากเจนีวาด้วยรถไฟขบวน IR โดยใช้เวลาประมาณ 42 นาทีก็มาถึงสถานีโลซานน์ ประมาณ 13.12 น.
เมืองโลซานน์เป็นเมืองที่คนไทยเราได้ยินและคุ้นเคยมานาน เพราะมีความสำคัญกับไทยเรามาก เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 (พระบาทสมเด็ขพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) และรัชกาลที่ 9 (พระบาทสมเด็ขพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช) ของไทยเราทรงเคยศึกษาและเจริญวัยที่เมืองแห่งนี้ พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในช่วงปี พ.ศ. 2476-2494
สถานีรถไฟโลซาน
จากสถานีรถไฟโลซานน์ ถ้าเราจะลงไปที่ทะเลสาบเจนีวาต้องนั่งรถเมโทรไปผ่าน 5 สถานี ซึ่งเราไปขึ้นรถได้ภายในสถานีโลซานน์ ลงไปโผล่ที่สถานีอุชชี โดยสามารถใช้บัตร Swiss Travel Pass ที่เรามีอยู่แล้วโดยสารลงไป เมื่อเดินออกจากสถานีก็จะเจอท่าเรือจอดเต็มไปหมด เดินเละทะเลสาบไปทางซ้ายมือ หรือทางทิศตะวันออกไปเรื่อยๆ ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก ซึ่งว่ากันว่าเมืองโลซานน์นี้เป็นเมืองหลวงแห่งกีฬาโอลิมปิกเลยนะ ใช้บัตรสวิสทราเวลพาสเข้าได้เช่นเคย ด้านในมีอะไรให้ชมมากมาย ทั้งประวัติกีฬาโอลิมปิก และครบเพลิงยุคต่างๆ
สถานีรถ Metro อูชชี
ท่าเรือทะเลสาบเจนีวา
โลซานน์ (ฝรั่งเศส: Lausanne) เป็นเมืองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ผู้คนในเมืองใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบเจนีวา โดยติดกับเมืองเอวีย็อง-เล-แบ็งของประเทศฝรั่งเศส โลซานเป็นเมืองหลวงของรัฐโว และตั้งอยู่ห่างจากเมืองเจนีวาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 กิโลเมตร มีประชากร 135,629 คน (เดือนธันวาคม พ.ศ. 2558)
พิพิธภัณฑ์โอลิมปิก (Olympic Museum) .. พิพิธภัณฑ์โอลิมปิกที่เห็นในปัจจุบันสร้างเสร็จเมื่อปี 1994 ในวาระครบรอบ 100 ปีของ IOC หลังจากที่ได้ตั้งพิพิธภัณฑ์โอลิมปิกชั่วคราวมาแล้วครั้งหนึ่งในสมัยนายฮวน อันโตนิโอ ซามรานซ์ เข้ารับตำแหน่งประธาน IOC เมื่อปี 1980 เพื่อสานต่อความฝันของ กูร์แบร์แตง.
เวลา เปิด-ปิด 9.00-18.00 น.ทุกวัน แต่ พ.ย.-มี.ค. ปิดวันจันทร์ 25 ธค. และ 1 ม.ค.
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ 15 CHF, เด็ก 6-16 ปี 10 CHF ผูถือบัตร Swiss Travel Pass เข้าชมฟรี
หน้าพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก โลซานน์
ประติมากรรมด้านนอกอาคาร
ภายในอาคาร
มีชุดยกน้ำหนักของปวีณา ทองสุข ของไทยเราด้วย
จากพิพิธภัณฑ์โอลิมปิกเดินต่อไปไม่ไกล ก็จะเจอสวนสาธารณ ปาร์ค ดู เดอนองตู (Parc Du Denantou) ซึ่งมีศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติตั้งอยู่ที่นั่น ... ช่วงไปถึงทั้งฝนและหิมะกำลังลงมาพอดี จึงถ่ายภาพได้ไม่มากนัก
ศาลานี้สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ.2549 และเพื่อฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสวิสครบ 75 ปีด้วย ... ผู้ออกแบบศาลาหลังนี้คือ อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรมไทย.
ศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติที่สวนสาธารณ
ปาร์ค ดู เดอนองตู (Parc Du Denantou
ริมทะเลสาบเจนีวา
"งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา" ในหน้าหนาวในประเทศสวิสเดือน พฤษจิกายนแบบนี้ กลางวันจะน้อยกว่ากลางคืน....เมื่อเราเดินฝ่าสายฝนที่เย็นยะเยือกมาถึงสถานีรถ Metro อุชชีได้ ก็นั่งย้อนกลับขึ้นไปที่สถานีโลซานน์ เพื่อขึ้นรถขบวน IC กลับเมือง Interlaken ผ่านกรุงเบิร์น และทริปสวิส 10 วันของเราก็จบลงในวันนี้
ส่วนพรุ่งนี้เช้า 30 พ.ย. 2017 เราจะนั่งรถไฟไปเมือง Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยจะต้องผ่านประเทศเยอรมันทางด้านตะวันตกครับ.
💘💘💘ขอบคุณที่ติดตาม💘💘💘
ลาด้วยภาพริมทะเลาสบเจนีวาที่โลซานน์ภาพนี้ครับ
💘💘💘💘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น