วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ออนซอนหลวงพระบาง ๒


ล๊อกก่อนหน้านี้เราพาคุณๆไปเที่ยวเมืองหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกเป็นตอนแรก ซึ่งพาไปแนะนำโรงแรมที่พัก วัดเชียงทอง พิพิธภัณฑ์หรือวังหลวงเก่า มาครับ ... จากบล๊อกที่แล้วมีเพื่อนๆในบล๊อกแก๊งค์คุยเรื่องคำว่า "ออนซอน" มา ก็ขอบคุณนะครับ

วันนี้เราจะพาไปเที่ยวหลวงพระบางต่อเนื่องจากคราวที่แล้วเลย โดยหลักๆก็จะมีวัดหมากโม หรือวัดวิซุนราช จากนั้นบ่ายๆก็จะไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสี ตกเย็นกลับมาขึ้นภูสี ไหว้พระที่พระธาตุจอมภูสีพร้อมทั้งชมวิวเมืองหลวงพระบางในยามใกล้ค่ำ และจะไปจบบล๊อกเอาที่ตลาดมืด ... ไปชมภาพและอ่านเรื่องราวกันเลยนะครับ


ถนนหน้าพิพิธภัณฑ์ ตรงทางขึ้นพระธาตุจอมภูสี (พูสี)



วัดวิชุนราช


วัดวิชุนราช

วัดวิชุนราช ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงพระบาง ถนนวิชุนราช สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2046 ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช ในบรรดาวัดทั้งหมดในเมืองหลวงพระบางเป็นต้องยกนิ้วให้วัดวิชุนในเรื่องมีความแปลกที่พระธาตุรูปร่างโค้งมนเหมือนผลแตงโม และเจดีย์รูปทรงแปลกตานี้เอง ที่กระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรมของลาวยกให้มีความสำคัญและความโดดเด่นของวัดวิชุน

วัดวิชุนราชนี้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน พระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ ภายในวัดวิชุนราชมีปทุมเจดีย์หรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ ซึ่งพระนางพันตีนเชียง พระอัครมเหสีของพระเจ้าวิชุนราชโปรดฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2057 หลังจากสร้างวัดแล้ว 11 ปี ด้วยรูปทรงของเจดีย์มีลักษณะคล้ายแตงโมผ่าครึ่งทำให้ชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่า พระธาตุหมากโม เป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุมีลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย บริเวณมุมฐานชั้นกลางและชั้นบนมีเจดีย์ทิศทรงบัวตูมทั่งสี่มุม พระธาตุหมากโมนี้มีสีดำเก่าๆ แม้จะเคยผ่านการบูรณะปฎิสังขรมาแล้วสองครั้ง ในปีพ.ศ.2402 รัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ อีก 19 ปีต่อมา ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์มีการปฎิสังขรอีกครั้ง ซึ่งการบูรณะครั้งนี้พบโบราณวัตถุมากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่แกะสลักจากแก้วซึ่งคล้ายกับพระแก้วมรกต โบราณวัตถุเหล่านี้ได้นำถวายเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเก็บรักษาไว้ในพระราชวังหลวงพระบางในปัจจุบัน

สถานที่ตั้ง อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง

ค่าเข้าชม 20,000 กีบ (ประมาณ 40 บาท)
เปิดเวลา 07.00 –17.30 น


ลักษณะเหมือนแตงโมผ่าซีกคว่ำ คนเลยเรียกว่าพระธาตุหมากโม



 
หน้าสิม


พระอุโบสถ หรือที่ชาวลาวเรียกว่าสิม เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบาง ตัวอุโบสถมีรูปทรงอาคารไทลื้อสิบสองปันนา ซึ่งมีจุดเด่นคือส่วนคอชั้นสองจะยกระดับสูงขึ้นไป ส่วนบนหลังคาประดับด้วยโหง่(หรือช่อฟ้าแบบไทย) ตรงกลางหลังคามีช่อฟ้า เป็นรูปปราสาทยอดฉัตรเล็กๆ ลดหลั่นหลายชั้น หน้าต่างพระอุโบสถประดับด้วยลูกมะหวด บานประตูด้านหน้าทั้งสามช่องแกะสลักลงรักปิดทอง มีรูปพระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม และพระอินทร์ ศิลปะแบบเชียงขวาง

 
พระพุทธรูปมากมายด้านใน


หน้าพระประธาน






น้ำตกตาดกวางสี






น้ำตกตาดกวางสี

น้ำตกตาดกวางสี (Tat Kuang Si Waterfalls) เป็นน้ำตกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ประมาณ 32 กิโลเมตร ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของหลวงพระบาง

น้ำตกตาดกวางสี มีจำนวนชั้นทั้งหมด 4 ชั้น มีความสูงโดยรวมประมาณ 75 เมตร เป็นน้ำตกหินปูน น้ำในน้ำตกจึงมีสีเขียวมรกต ภายในน้่ำตกมีการจัดการท่องเที่ยวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีพื้นที่แบ่งออกเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร โดยไม่อนุญาตให้มีการปรุงอาหาร พื้นที่สำหรับเล่นน้ำ และมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ

ราคาบัตรผ่านเข้าชม 20,000 กีบ (80 บาท) เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 6.00-17.00 น. บริเวณทางเข้าน้ำตกจะมีศูนย์อนุรักษ์หมี ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมหมีจากการช่วยเหลือจากการค้าสัตว์ป่าในสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศลาว ซึ่งค่าเข้าชมส่วนหนึ่งก็นำมาอนุรักษ์บำรุงหมี



จุดเล่นน้ำ


ตอนบ่ายที่เข้าไปเดินชมน้ำตกนั้น มีฝนลงมาเล็กน้อย แต่ผู้คนก็มาหนาตาพอควร โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่ส่วนมากจะเป้นจีนกับยุโรป .... ณ ที่จุดเล่นน้ำนี้ เขาจะสร้างเป็นเรือนไม้ไว้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับลงเล่นน้ำกัน ที่เป็นไฮไลท์ของจุดนี้คือ ต้นไม้ที่งอออกไปทางน้ำตกจะเป็นที่กระโดดน้ำของหนุ่มๆกันเลยล่ะครับ


ผู้คนมากมาย...ยามบ่าย



น้ำตกตาดกวางสี


ใกล้ๆน้ำตกหลัก จะมีสะพานให้ผู้คนเข้าไปยืนแอคชั่ถ่ายภาพกลับน้ำตกอย่างใกล้ชิด ... น้ำตกที่กำลังตกลงมาจากที่สูงส่งละอองน้ำกระจายไปทั่ว ถ้าท่านใดไม่อยากให้กล้องเปียกต้องหาทางปกปล้องเอา เพราะละอองน้กระจายมาถึงสะพานที่เห็นเลย ... ใต้สะพานลงไปด้านล่างจะเป็นอีกจุดที่น่าถ่ายภาพครับ

 


เราเดินทางกลับจากน้ำตกตาดกวางสีเข้าหลวงพระบางอีกครั้งเพื่อจะได้ขึ้นไปบนเขาพระธาตจอมสี ช่วงเย็นๆแบบนั้นจะมีนักท่องเที่ยวมากมายขึ้นเขาไปชมแสงสุดท้ายของวันทอผ่านแม่น้ำโขง ซึ่งถ้าท้องฟ้าเป็นใจจะได้ภาพที่สวยงามทีเดียว



พระธาตุจอมภูสี + ตลาดมืด

เมื่อท่านมาเยือนเมืองหลวงพระบางสิ่งที่ท่านสามารถสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนที่เครื่องบินจะ Landing ลงจอดณ.สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง ก็คือภูเขาขนาดย่อมที่อยู่ใจกลางเมืองสูงจากพื้นดินประมาณ 150 เมตร ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ภูสี” นอกจากภูสีจะเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองหลวงพระบางแล้ว ด้านบนยังเป็นที่ตั้งของ "พระธาตุจอมสี" พระธาตุองค์เล็กๆแต่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าท่านจะยืนอยู่ณ. จุดใดๆในเมืองหลวงพระบางก็สามารถมองเห็นประกายสีทองอร่ามขององค์พระธาตุ เมื่อยามต้องแสงแดดได้อย่างชัดเจน ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมปิดทองทั้งองค์ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม

ขึ้นชมวิวภูสี


พระธาตุจอมสี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2337 ในรัชสมัยพระเจ้าอนุรุท ยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูง 21 เมตร การจะขึ้นไปยังพระธาตุจอมสีนั้นสามารถเดินขึ้นได้ 2 ทาง คือทางด้านหน้าถนนหน้าพระราชวังและทางด้านหลังติดกับแม่น้ำคาน แต่ทางด้านหน้าจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากกว่า มีทางเดินเป็นขั้นบันไดคดเคี้ยวสูง 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา (ดอกไม้ประจำชาติลาว) หรือที่บ้านเราเรียกว่าต้นลั่นทม เวลาที่ดีที่สุดจะอยู่ประมาณ 4 โมงเย็น

เข้าไปไหว้พระ




ภูสี มีความหมายว่า ภูเขาของพระฤาษี เดิมชื่อว่า ภูสรวง ครั้นเมื่อมีฤาษีไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤาษี หรือภูษีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีนักโบราณคดีบางคนเชื่อว่าภูษี อาจหมายถึง พูสีึซึ่งเป็นศรีของเมืองหลวงพระบาง




วิวหลวงพระบางและน้ำโขงยามเย็น


พระธาตุจอมสี



ตรงทางขึ้นและลงภูสีอยู่ตรงข้ามกับหอพระบาง


ลงจากพระธาตุเป็นเวลาเกือบมืด ซึ่งตามถนนหน้าพระราชวัง (พิพิธภัณฑ์) มีร่มสีแดงกางเต็มไปหมด พ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาขายเต็มถนนไปหมด ซึ่งชาวหลวงพระบางเรียกว่าตลาดมืด .... ตลาดมืดหรือตลาดกลางคืนถือเป็นแหล่งช็อปปิ้งแหล่งใหญ่ของนักท่องเที่ยวเนื่องจากจะมีพ่อค้าแม่ค้าชาวหลวงพระบางนำสินค้าของตนมาวางจำหน่ายอาทิเช่น เสื้อยืดสกรีนภาษาลาว, เครื่องเงิน, ผ้าทอ, ผ้าห่ม, ปลอกหมอน, โคมไฟที่ทำจากกระดาษสา ฯลฯ


ตลาดมืด



แสงสีย่านเมืองเก่า







จะว่าไปแล้วตลาดมืดที่นั่นก็เหมือนถนนคนเดินในบ้านเราครับ เพียงแต่สินค้าส่วนใหญ่ที่พ่อค้า แม่ค้านำมาขายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เขามีขายตามที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่นผ้าจากบ้านผานม เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว ถ้าเราเดินผ่านไปทางย่านตึกเก่าสไตล์โคโลเนี่ยลก็จะเห็นมีร้านขายพวกน้ำผลไม้ แพนเค้ก หรือของกินต่างๆนาๆเช่นกัน.

เราเดินซื้อของและชมตลาดมืดจนได้เวลาพอสมควร ก็ออกไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารริมแม่น้ำโขง ก่อนกลับโรงแรมวันซะนะและพักผ่อนเพื่อเอาแรงไปท่องหลวงพระบางต่อในวันต่อไป


ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ



ลาด้วยภาพย่านตึกเก่าสไตล์โคโรเนียลในยามค่ำคืน ภาพนี้ครับ





ไม่มีความคิดเห็น: