เที่ยวสวิส 5 .... ยอดเขาทิตลิส และ ริกิ
บล๊อกที่แล้วเราพาคุณๆไปเที่ยวยอดเขาทิตลิสที่สูง 3020 เมตรมาแล้วนะครับ มาบล๊อกนี้ก็ยังจะพาไปเที่ยวยอดเขาอีกนั้นแหละครับ แต่คราวนี้จะไปยอดเขาที่สวยงามมากๆแห่งหนึ่ง สวยขนาดที่ว่าบริษัทหนังพาราเม้าท์ (Paramount) และช้อกโกแล๊ทยี่ห้อ Toblerone เอาไปทำเป็นสัญลักษณ์เลยล่ะ ... ยอดเขาที่ว่า คือ "Matterhorn"
ในขบวนรถไฟ IR (Inter Rego) ชั้น2
แผนการเดินทางวันที่ 26.11.17
เราได้เส้นทางดังนี้คือ
Luzern - Bern (8.00-9.00),
Bern - Visp (9.06 - 10.02) และ
Visp - Zermatt (10.08-11.14)
โดยเป็นรถไฟแบบ IR จากลูเซิร์น ถึง วิสป์ แต่จากวิสป์ไปเซอร์มัตต์ เป็นขบวนท้องถิ่น และเป็นรถไฟที่ใช้ทั้งระบบฟันเฟือง (Cogwheel) ผสมแบบธรรมดา เพราะเป็นทางที่ส่วนมากจะปีนเขาสูง
สถานี Emmenbrucke
ระหว่างทางจากวิสป์ - เซอร์มัตต์
ตารางรถไฟที่เราเข้าไปเลือกเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด เขาจะบอกเวลาไปถึงและชานชาลา (Platform) ที่รถเข้า และบอกต่อว่าจะไปต่อรถขบวนต่อไปที่ชานชาลาที่เท่าไหร่ ใช้เวลาเดินจากที่เราลงไปกี่นาที (แต่เราต้องเร็วกว่านะครับ) ... เพราะฉะนั้น Internet บนสมาร์ทโฟนจึงจำเป็นมากในการวางแผนการเดินทาง เพราะขณะเดินทางไปนั้นอาจจะมีเหตุอันจำเป็นที่รถต้องเปลี่ยน Platform เข้า - ออกด้วยก็ได้.
Zermatt Station
ออกจาก Visp ไปถึงสถานี Zermatt ได้ตามเวลาที่วางแผนไว้คือ 11.40 น. ลงจากรถไฟเดินออกมาหน้าสถานีที่ Bahnhoff หรือจตุรัส อากาศหนาวมาก เพราะตรงที่เรายืนอยู่นี่ก็สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางแล้วประมาณ 1605 เมตรแล้ว .... สิ่งแรกที่ต้องทำคือเดินเข้าไปที่ Information Center ซึ่งก็อยู่ติดสถานีรถนั่นเอง เข้าไปถามสาวสวยชาวสวิสว่า ฉันอยากจะขึ้นไปชมยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น
"จะไปซื้อตั๋วและขึ้นรถขึ้นรถที่ไหนครับ"
"ซื้อที่สถานีรถไฟกอร์แนร์กราท หรือที่นี่ก็ได้"
"แล้วเราจะไปลงเพื่อถ่ายภาพสะท้อนของมัทเทอร์ฮอร์นในทะเลสาบที่สถานีไหน?"
"ไม่เห็นแล้วค๊า...ทะเลสาบ Riffelsee โดนหิมะถมไปหมดแล้ว ฉันไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ที่จะลงไปดูนะ"
Taxi ไฟฟ้าหน้าสถานีรถไฟไป Gornergrat
ที่ต้องถามเธอก็เพราะไม่อยากมานั่งคิดอะไรแล้ว กลัวมืดก่อน กลัวไม่ได้ยลโฉม คนสวยแมทเทอร์ฮอร์นในเวลาที่เหมาะ เพราะใกล้ไกันนี้เจ้ารถไฟสาย Gornergrat Bahn มีกำหนดจะออก 12.48 น. ... เราได้ตั๋วครึ่งราคา 36 CHF / คน .... พอออกมาด้านนอกมองเห็นสถานีรถไฟไป Gornergrat อยู่ใกล้สถานีใหญ่นั่นแหละครับ ด้านหน้ามีรถแท๊กซี่รูปทรงสี่เหลี่ยมกล่องไม้ขีดไฟจอดรอผู้โดยสารที่จะเหมาไปที่ต่างๆอยู่ ... รถในเซอร์มัตต์เขาไม่ให้ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นน้ำมันครับ เขาใช้รถไฟฟ้าแทน
Bahnhofstrasse (Zermatt Village)
ลากกระเป๋าออกจากสถานีรถไฟดิ่งตามถนน Bahnhoffstrasse ไปที่โรงแรม Helvetia ที่อยู่ประมาณกลางหมู่บ้าน ใกล้ๆกับ Matterhorn Museum และโบสถ์ โรงแรมนี้ด้านล่างเป็นร้านอาหารไทย (ที่จริงน่าจะเรียกว่าเป็นโฮมสเตย์มากกว่า เพราะชั้นแรกและชั้นสองเจ้าของพักอาศัยอยู่ ชั้นที่สามทำเป็นห้องพัก)
โรงแรมหาไม่ยากครับ เพราะในหมู่บ้านถนนสายหลักก็มีถนนนี่แหละครับ ตามถนนมีร้านรวงขายของฝาก นาฬิกา และของที่ระลึกอื่นๆ รวมทั้งร้านอาหารมากมาย ... ไปถึงเราก็เดินตามป้ายบอกทางขึ้นไปที่ชั้นสาม ไม่มีคนต้อนรับสิครับ เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งแปะไว้หน้าประตู
"สวัสดีคุณ wicsir วันนี้พนักงานต้อนรับเราหยุด เราเลยแขวนกุญแจห้องหมายเลข 9 ไว้ที่แผงทางเข้า คุณสามารถเปิดเข้าไปได้เลย"
แต่มันยังไม่ถึงเวลาเช็คอินที่บ่าย 2 โมงนี่นา ทำไงดีกับกระเป๋าล่ะ...ลงไปที่ร้านด้านล่างถามป้าคนที่กำลังขายขนมปังอยู่ เธอบอกว่าเข้าไปได้เลย ห้องคุณเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็หิ้วกระเป๋าผ่านบันไดแคบๆขึ้นไปห้องพัก .... ไม่มีลิฟท์นี่ แย่อยู่นา
ขบวนรถไฟ Gornergrat bahn
คนส่วนมากจะขึ้นไปชมความสวยงามของเขาแมทเทอร์ฮอร์นจากยอดเขากอร์แนร์กราท หรือที่สถานีรถไฟฟันเฟืองกอร์แนร์กราทกัน ซึ่งตรงนั้นสามารถมองเห็นเขาแมทเทอร์ฮอร์นได้ดี ... ที่จริงการเดินทางขึ้นชมเขาแมทเทอร์ฮอร์นนั้น มีขึ้นด้วยกระเช้าไฟฟ้าด้วย แต่ไปลงคนละที่กับเขากอร์แนร์กราท ซึ่งวิวก็คงต่างกันออกไป..แต่เราไม่ได้ศึกษาเรื่องที่ขึ้นด้วยกระเช้าไฟฟ้ามา จึงมุ่งมาที่รถไฟไต่เขาแบบฟันเฟือง หรือ Cogwheel นี่แหละครับ
เส้นทางรถไฟขึ้นสู่เขา Gornergrat
เจ้ารถไฟสีแดงเบาะนั่งคลาสสิค (เก้าอี้ไม้บุด้วยผ้าแบบที่นั่งรถไฟโบราณ) มีหน้าต่างสามารถเปิดด้านบนได้ เอาไว้ชมวิวและถ่ายภาพแบบไม่ต้องผ่านกระจก แต่วันนี้เปิดนานก็ไม่ได้ ลมหนาวโชยเข้ามา ฮีตเตอร์ด้านในแทบเอาไม่อยู่ แต่ก็ยังมีแขกอินเดียพยามเปิดถ่ายภาพด้งย IPad อยู่นั่นแหละ ฝรั่งก็มอง แต่พวกเธอยังเฉย .... เส้นทางขึ้นสู่เขา Gornergrat จะต้องผ่านทั้งหมด 7 สถานีรวมทั้งที่ Zermatt ใช้เวลาทั้งสิ้น 33 นาที
หมู่บ้านเซอร์มัตต์ด้านล่าง
เริ่มออกจาก Zermatt ที่ระดับความสูง 1605 เมตร สู่สถานี Findelbach ความสูง 1774 เมตร ระหว่างทางจะมองเห็นหมู่บ้านเซอร์มัตต์ที่หลังคาขาวโพลนอยู่ด้านล่าง จากนั้นก็ขึ้นสู่ Landtunnel ความสูง 2060 เมตร ยังพอมองเห็นป่าสนอยู่บ้าง บางช่วงยังเห็นเจ้าแมทเทอร์ฮอร์นไดดี จากนั้นก็ไต่ขึ้นสู่ Riffelalp ที่ความสูง 2211 เมตร พอออกจากสถานีนี้ไปก็ผ่านภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ขาวยังกะปุยนุ่น ไม่นานก็ถึงความสูง 2582 เมตรที่สถานี Riffelberg ตรงสถานีนี้เขามีเส้นทางเดินสู่กอร์แนร์กาทด้วย จาก Riffelberg ก็ปีนขึ้นสู่ Rotenboden ที่ระดับ 2815 เมตร ... ปกติเราสามารถลงไปถ่ายภาพเงาสะท้อนของยอดเขาแมทเทอร์ฮอนที่ทะเลสาบ Riffelsee แต่วันนี้หิมะปกคลุมไปหมดแล้ว จนสุดท้ายปลายทางเพื่อมายืนชมยอดเขา Matterhorn ที่สถานี Gornergrat ที่ระดับ 3089 เมตร จากจุดนี้ไปแมทเทอร์ฮอร์นก็ไกลอยู่นะ แต่มองภาพเขาปิรามิดลูกนั้นได้ชัดในสภาพอากาศเปิด และวันนี้ท้องฟ้าเป็นใจให้เราด้วยสิ.
แมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงมากในเทือกเขาแอลป์ (Alps) ตั้งอยู่ระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี รูปทรงปิรามิดที่งดงามตั้งอยู่บนพื้นที่ Zermatt ในส่วนเมืองของสวิตเซอร์แลนด์ และ Breuil-Cervinia ใน Val Tournanche ในส่วนเมืองของอิตาลี
💘รู้ไว้ใช่ว่า : แมทเทอร์ฮอร์นเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 50 ล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่ทวีปแอฟริกาและยุโรปเคลื่อนเข้ามาชนกัน รูปร่างยอดที่เห็นอยู่นี้เกิดจากธารน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งได้บดขยี้เป็นวงรอบภูเขาระหว่างแมทเทอร์ฮอร์นและยอดเขามอนสเตโรซาในอิตาลี ซึ่งสูง 4,634 เมตร คือช่องเขาเอโอตุลสูง 3,317 เมตร เป็นจุดที่แซร์เวียสกัลป์บา กงสุลของจูเลียส ซีซาร์ ผ่านมาและมองไปเห็นแมทเทอร์ฮอร์น (CR: eliteholidaythailand.com)
รูปทรงพีระมิด ตั้งตระหง่านเหมือนยื่นไปสู่ท้องฟ้ามากกว่าบยอดเขา ของเทือกเขาแอลป์ยอดอื่นๆ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การพยามเข้าสู่ภูเขา ทั้ง Mattertal จากทิศเหนือ, Valtournanche จากทิศใต้ คนโบราณบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องเล่าแห่งความมืดอันความน่ากลัว ของหายนะว่าจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่เข้าใกล้มันอย่างแน่นอน มีเรื่องเกี่ยวกับเมืองที่ถูกทำลายและถูกฝังภายใต้ก้อนหิมะ ความเห็นเพิ่มเติมของไกค์ผู้ผ่านประสบการณ์ใน Zermatt ฝั่งของสวิตเซอร์แลนด์ ว่าภูเขาสูงชัน จากแนวหน้าผาที่ราบเรียบตั้งแต่ฐานถึงจุดยอดทำให้ไม่สามารถปีนได้ ภูเขามีสี่ด้านพื้นหน้าของสูงชันอันตรายมีเพียงแผ่นหิมะและแผ่นน้ำแข็งเล็กๆ เกาะยึด ส่วนใหญ่แมทเทอร์ฮอร์นเป็นภูเขาของเทือกเขาแอลป์สุดท้ายที่จะถูกปีน เพราะต้องใช้เทคนิคยุ่งยากแต่ความน่าเกรงขามจะเป็นดลใจสำหรับนักปีนเขาได้เช่นกัน เริ่มต้นครั้งแรกประมาณปี 1858 จากชาวอิตาเลียนจำนวนมากแม้จะติดขัดจะเกิดขึ้นมากมาย ที่พวกเขาพบบ่อยๆ คือความลำบากกับหินที่ลื่น
💘รู้ไว้ใช่ว่า : แมทเทอร์ฮอร์นเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 50 ล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่ทวีปแอฟริกาและยุโรปเคลื่อนเข้ามาชนกัน รูปร่างยอดที่เห็นอยู่นี้เกิดจากธารน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งได้บดขยี้เป็นวงรอบภูเขาระหว่างแมทเทอร์ฮอร์นและยอดเขามอนสเตโรซาในอิตาลี ซึ่งสูง 4,634 เมตร คือช่องเขาเอโอตุลสูง 3,317 เมตร เป็นจุดที่แซร์เวียสกัลป์บา กงสุลของจูเลียส ซีซาร์ ผ่านมาและมองไปเห็นแมทเทอร์ฮอร์น (CR: eliteholidaythailand.com)
อุณหภูมิที่ติดลบ -14 องศาในเวลาบ่ายโมง 10 นาทีที่สถานี Rotenboden
ลานสกีระหว่างทางไป Gornergrat ตรงข้ามสถานี Rotenboden
จากฐานถึงยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นจะราบเรียบจนหิมะไม่เกาะ
สถานีกอร์แนร์กราท (Gornegrat)
บนลานหิมะกอร์แนร์กราทที่ระดับ 3089 เมตร
ด้านบนคือโรงแรม 3100 Kulm Gornergrat
บนยอดเขากอร์แนร์กราท นอกจากสถานีรถไฟแล้ว ยังมีจุดชมวิวต่างๆรอบทิศทาง ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นไปถ่ายภาพได้หลายๆจุด ในแต่ละจุดจะมีกล้องแบบหยอดเหรียญตั้งไว้ด้วย นอกจากนั้นยังมีโบสถ์เล็กๆอยู่ใกล้ๆโรงแรมให้แวะชมอีกต่างหาก .... คุณภรรยาเธอเดินซักพักเจออุณหภูมิติดลบ 14 แม้จะมีแดด แต่ก็ไม่ไหว เลยแอบเข้าไปหลบในโรงแรม ส่วนพ่อลูกลุยถ่ายภาพกันต่อ แถมไปเจอคนไทยที่ขับรถมาเที่ยวโดยเริ่มเดินทางมาจากปารีส .... มีที่เที่ยวที่ไหนคนไทยเราไปหมด ก็อบอุ่นดีเหมือนไม่ไกลบ้าน
ที่จุดชมวิวเขาจะมีป้ายบอกชื่อยอดเขาที่มองเห็นด้วย
Hotel 3100 Kulm Gornergrat
วิวจากยอดเขากอร์แนร์กราท
Gornergrat Bahn
เดินชมความงามของยอดเขาต่างๆในบริเวณนั้นขณะที่อุณหภูมิติดลบ แต่ยังพอมีโชคอยู่บ้างที่วันนี้ท้องฟ้าเปิด มีแดด และลมแค่อ่อนๆ ทำให้เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกล...ต้องบอกเลยว่าขึ้นไปแล้วคุมค่าจริงๆกับค่ารถไฟมหาโหด ธรรมชาติในหน้าหนาวที่นั่นสวยงามจริงๆ ความนุ่ม ขาว สวยของหิมะทำให้คนเขตร้อนเช่นเราตื่นเต้นมากๆแม้ว่าเคยเห็นหิมะมามากมายหลายที่แล้วก็ตาม แต่บนทุ่งหิมะบนเขายังมีเจ้าเขาปิรามิด แมทเทอร์ฮอร์น ยืนเด่น ทำให้ภาพในกรอบสวยงามยิ่งขึ้น
ทางรถไฟสายกอร์แนร์กราท (ถ่ายช่วงลงเขา)
หมู่บ้านเซอร์มัตต์
ใช้เวลาบนเขาที่หนาวเหน็บได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็อาศัยรถไฟฟันเฟือง Gornergrat Bahn กลับลงสู่หมู่บ้าน Zermatt แม้บนรถไฟขาลงเราก็ยังต้องหันกลับไปชมสาวสวยแมทเทอร์ฮอร์นอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งภาพหลังคาบ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะโผล่มาให้เห็นอีกนั่นแหละ เราถึงเตรียมตัวลงจากรถ เพื่อไปเดินชมหมู่บ้าน และหาอะไรๆที่เป็นอาหารพื้นเมืองทานก่อนหลบลมหนาวเข้าไปพักผ่อนที่ห้องพัก.
บล๊อกต่อไปเรายังคงจะพาชมหมู่บ้าน Zermatt (คนที่นั่นเขาเรียก Village จริงๆครับ ไม่ใช่ City) กันต่อนะครับ
💘💘ขอบคุณที่ติดตาม.💘💘
ลาด้วยภาพแมทเทอร์ฮอร์นระยะไกลที่ถ่ายจากรถไฟครับ
_______________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น