วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฮอกไกโด หน้าหนาว 4 (ซัปโปโร)



        อ่าน : ฮอกไกโด หน้าหนาว 3 (Asahikawa Winter Festival)



หลังจากที่เราเดินทางกลับจากเมืองอาซาฮิกาว่า ทางตอนเหนือของเมืองซัปโปโร กลับลงมาพักที่โรงแรม Resol Trinity Sapporo เพื่อที่จะได้เที่ยวเมืองซัปโปโร และโอตารุ (จะนำมาให้ชมในบล๊อกต่อไป) ... ในบล๊อกนี้จะพาชมเมืองซัปโปโรเป็นบางส่วนครับ ที่ว่าบางส่วนนั้นเพราะว่าทริปมาฮอกไกโดของเรา 2 คนคราวนี้ขอเน้นเอสถานที่หลักๆก่อน เพื่อจะเอาเวลาที่เหลือชมเมืองรอบๆครับ



ประติมากรรมน้ำแข็งที่ Ordori Park, Sapporo

เช้าวันที่ 8 กพ. 2017 หลังจกที่เราเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม Resol Trinity sapporo (คือโรงแรมเขามีเวลาเช็ค-อินประมาณ 14.00 น.) แล้ว เราก็ออกเที่ยวต่อเลย โดยจุดแรกคือสวน Odori Park สถานที่จัดงาน Snow Festival นั่นแหละครับ เพราะเจ้าสวนนีี้อยู่ที่หน้าโรงแรมที่พักแค่นั้นเอง .... บรรยากาศกลางวันๆก็แปลกไปอีกแบบ แต่ผู้คนจะน้อยกว่าตอนกลางคืน จะเห็นมีมากก็เด็กๆที่คุณครูพามาชมงาน



พูดถึงเด็กๆญี่ปุ่นหน่อยละกัน เด็กๆเขาโดนสร้างให้มีระเบียบวินัยและรักการอ่านตั้งแต่เด็กๆเลย สังเกตุที่เขามาเที่ยวชมงานสิครับ เด็กๆแต่ละที่จะมีบอร์ดและกระดาษสำหรับจดทุกคนเลย แถมยังให้ใส่เสื้อกักแบบที่แค้ดดี้ถือถุงกอล์ฟในสนามเวลาแข่งด้วย เพื่อง่ายต่อการจำ แต่ถ้าเด็กเล็กๆลงไปอีก (เคยเห็นที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า) เขาจะให้ไปแบบบัดดี้เป็นคู่ๆเลยนะเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้....ข้อสำคัญของเด็กเขาคือเมื่อมีกติกาก็ทำตามจนกว่าจะจบหรือเสร็จสิ้นการเที่ยวชม ซึ่งนี่คือต้นแบบทางความคิดของเขา เวลาโตขึ้นคนญี่ปุ่นจึงเคารพกติกาตลอดเวลา ทำให้การพัฒนาต่างๆของพวกเขาเป็นไปอย่างมีระเบียบและสำเร็จได้ด้วยดี บางอย่างเอาของฝรั่งมาต่อยอดยังทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เช่นระบบ QC เป็นต้น .... แต่เด็กบางประเทศขืนให้ทำแบบนี้นอกจากดื้อไม่ทำตามแล้วยังพาคนอื่นแหกกฏอีกด้วย ... นั่นคือความแตกต่างอย่างหนึ่งที่สังเกตุเห็นเวลามาญี่ปุ่น



เด็กๆมาเที่ยวชมงาน


จากโอโดริปาร์ค เราเดินไปทางสถานีรถไฟไม่ไกล ก็จะเห็นตึกแดงที่เคยเป็นศูนย์บริหารราชการของเกาะฮอกไกโดในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่แล้ว


 ประตูทางเข้าด้านหน้า




ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (ทำเนียบอิฐแดง)

ดาวสีแดงที่ผนังอาคารภายนอกซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของฮอกไกโด คือสัญลักษณ์ตัวแทนของทูตบุกเบิก

เมื่อมองจากถนนคิตะ 3โจของซัปโปโรไปทางทิศตะวันตกก็จะเห็น
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่าตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
เป็นอาคารที่ก่อสร้างจากอิฐจึงเป็นที่รู้จักดีด้วยชื่อเล่น ‘ทำเนียบอิฐแดง’ เป็นอาคารที่ถูกสร้างตามแบบนีโอ บาโรกของอเมริกาในปีค.ศ.1888
(ปีเมจิที่ 21) เป็นเวลากว่า 80 ปีที่ศาลาว่าการเมืองหลังเก่าทำหน้าที่รับใช้บ้านเมือง ก่อนที่ศาลาว่าการหลังใหม่ที่ใช้ในปัจจุบันจะแล้วเสร็จ ในทุกๆ ที่สามารถสัมผัสกับความงามที่มีประโยชน์ใช้สอยได้ เช่น กระจกที่มีความบิดเบี้ยวที่ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคเมจิและประตูสองชั้นที่มีไว้เพื่อป้องกันความหนาวเย็นที่ถูกยึดด้วยคิ้วบัว เป็นต้น ภายในอาคารเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และมีการจัดแสดงข้อมูลสิ่งของที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด หากมีเวลามากพออยากแนะนำให้รับฟังการบรรยายจากไกด์ท่องเที่ยวอาสาสมัครที่ประจำการอยู่ เพื่อสัมผัสถึงความลึกซึ้งของอาคารหลังนี้

เปิดบริการ : ทุกวันเวลา 8.45-18.00 น. (ปิดทำการใชช่วงเทศกาลปีใหม่)
ค่าเข้าชม : ฟรี

 สวนหน้าตึกแดงที่ท่วมด้วยหิมะ














ใกล้ๆกับทีวีเทาเออร์ (Sapporo TV Tower) เราจะเห็นอาคารที่ทาด้วยสีครีมด้านบนมีนาฬิกาเรือนใหญ่ติดอยู่ เมื่อเดินอยู่บนถนน ..... จะมองเห็นได้ชัดเจนครับ




หอนาฬิกาซัปโปโร (sapporo Clock Tower)
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นจากไม้ ตั้งอยู่ในเขตจูโอ เมืองซัปโปะโระ ออกแบบด้วยศิลปะแบบอเมริกัน เป็นอาคารทรงตะวันตกแห่งหนึ่ง ในจำนวนน้อยที่หลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ เป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของเมือง และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศแทบทุกคน ซึ่งนาฬิกาบนหอยังคงเดินอย่างเที่ยงตรง และมีเสียงระฆังในทุกชั่วโมง

ตามประวัติ ... หอนาฬิกาแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2421 เป็นส่วนหนึ่งของอาคารเรียน ภายในวิทยาลัยการเกษตรซัปโปะโระ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยฮอกไกโด) ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ เป็นอาคารกลุ่มแรกที่สร้างขึ้นในเมืองนี้ และเป็นหลังเดียวที่ยังคงตั้งอยู่จนถึงปัจจุบัน ส่วนนาฬิกาเป็นของบริษัท อี.โฮเวิร์ด แอนด์ โค กรุงบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้รับการติดตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2424
ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2511 หอนาฬิกาแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น และในปี พ.ศ. 2552 ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกทางวิศวกรรมเครื่องกลของญี่ปุ่นด้วย ในปัจจุบัน หอนาฬิกาแห่งนี้ เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติของเมือง และความเป็นมาของวิทยาลัยเกษตรซัปโปะโระ โดยเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ยกเว้นวันอาทิตย์ และเทศกาลปีใหม่ สำหรับบัตรผ่านประตูของผู้ใหญ่ มีราคา 200 เยน ส่วนผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ สามารถรับส่วนลดค่าเข้าชมได้

ค่าเข้าชม: 200 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 8:45-17:10 (เข้าชมก่อน 17:00)
วันปิดทำการ: วันจันทร์สัปดาห์ที่ 4 ของทุกเดือน (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ จะปิดในวันอังคาร)
วันที่ 29 ธันวาคม - 3 มกราคม





สถานีซัปโปโร(Sapporo Station) 
เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองซัปโปโร ตั้งอยู่ใจกลางเมือง รอบๆเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง โดยเฉพาะทางทิศใต้ อาคารสถานีปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมและเปิดให้บริการในปี 2003 โดยใช้รูปแบบโครงสร้างของอาคารเดิมในสมัยปลายปี 1800

แหล่งช้อปปิ้ง: ร้านค้าเปิด 10:00-21:00 ร้านอาหารเปิด 11:00-21:30

สถานที่ท่องเที่ยวในย่านนี้ที่น่าสนใจที่สุด คือ จุดชมวิว T38 (T38 Observation Deck) ตั้งอยู่ชั้นบนของอาคาร JR Tower เหนือสถานีรถไฟ มีทั้งหมด 38 ชั้น สูง 160 เมตร ซึ่งสูงกว่าทีวีทาวเวอร์ในสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) พื้นที่บนจุดชมวิวออกแบบได้อย่างสวยงาม มีข้อมูลต่างๆจัดแสดง เพลงบรรเลง และห้องน้ำให้บริการ

การเข้าชม
ค่าใช้จ่าย: 720 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 10:00-23:00 (เข้าชมก่อน 22:30)
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

หน้า JR Station Sapporo


หน้า JR Station Sapporo



ด้านในสถานี




ด้านหน้าสถานี



💗💗ช่วงบ่ายเรานั่งรถไฟไปเที่ยวโอตารุ (Otaru) เมืองท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของเกาะฮอกไกโด ที่อยู่ด้านตะวันตกของเมืองซัปโปโร ซึ่งนั่งรถประ 45 นาที บล๊อกหน้าจะนำภาพมาให้ชม สำหรับบล๊อกนี้ขอจบแคานี้ก่อน .... ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอดนะครับ💗💗


ชานชลา หรือ Platform ที่อยู่ด้านบนสถานี


________________


เที่ยวฮอกไกโด หน้าหนาว 3 (อาซะฮิกาวะ..winter festival)


       

บล๊อกนี้ก็ยังคงเที่ยวเกาะฮอกไกโดต่อนะครับ และวันนี้จะพาเดินทางจากเมืองฮาโกะดาเตะทางใต้สุดของเกาะ ผ่านเมืองซับโปโร ไปที่เมืองที่มีอากาศหนาวมากๆคือเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ที่อยู่ทางตอนกลางของเกาะ ห่างจากจากซัปโปโรไปอีกประมาณ 138 กม. ... เราจองรถเร็วไว้เวลา 7.35 น. ไปเปลี่ยนรถที่สถานีซัปโปโร เป็นรถที่ไป Wakkanai โดยจะถึง Asahikawa 14.08 น. 

ช่วงจากฮาโกะดาเตะไปที่ซัปโปโรไม่มีปัญหาอะไร เพราะในขบวนรถโดยเฉพาะตู้สำหรับผู้จองที่นั่งจะมีบอกสถานีเป็นทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ แต่ช่วงที่จากซัปโปโรไปอะซะฮิกะวะ นี่สิบอกสถานีเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ แถมขบวนรถที่เรานั่งไปจะสุดสายที่ Wakkanai (วักกะไน) เหนือสุดของเกาะโน่น ก็อย่างที่เคยบอกไว้ในบล๊อกแรกๆแหละว่า ต้องอ่านป้ายสถานีและดูเวลาในตั๋วเอาครับ แต่เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวและเล่นสกีของเขา ผู้คนเลยมาลงที่สถานี Asahikawa มากหน่อย .... ก็ผ่านไปด้วยดีครับ


แผนที่เส้นทางจากฮาโกะดาเตะ - อะซะฮิกะวะ



ตลอดเส้นทางที่ผ่านจะเห็นสภาพภูมิประเทศแบบนี้


หลังจากเดินทางยาวห้าชั่วโมกว่า เราก็มาถึงสถานี JR Asahikawa โดยปลอดภัย อากาศด้านนอกหนาวมาก คาดว่าน่าจะติดลบ .... โต๊ะ Information ถามว่าโรงแรมเราอยู่ตรงไหน (ไม่อยากอ่านจากแผนที่ของอากู๋.... ถามเอาง่ายดี แถมได้คุยเรื่องอื่นด้วย) เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดอังกฤษคล่องแคล่ว ชี้บอกทางไปโรงแรม และวิธีการเดินทางไปที่สวนสัตว์และที่จัดงาน Winter Festival ของเมือง โดยเธอบอกว่ามีรถ Shuttle bus จอดอยู่ที่ P2 จะออกอีกที 4 โมงเย็น เราก็งงเพราะอ่านมาว่าสวนสัตว์ เปิด-ปิด 9.00-15.30 น. นี่นา เธอบอกเราว่าหน้าเทศกาลแบบนี้ เขาเปิด-ปิด 8.30 - 20.30 น. แต่ต้องเข้าก่อน 18.00 น. เราเลยสบายใจได้ เอากระเป๋าไปเช็ค-อินเข้าที่พัก ก่อนเดินออกมารับอากาศหนาว รอรถที่จะไป Asahiyama Zoo.

คนขับรถชัตเติ้ลบัสซึ่งเป็นผู้หญิงขับมาส่งคนแค่ที่จัดงาน Winter Festival เท่านนั้น (เธออาจจะคิดว่าไม่มีคนไปสวนสัตว์กระมัง เพราะมืดแล้ว) เราไม่ว่ากัน ลงรถบัสได้เรียกเจ้าแท๊กซี่ไปส่งทันที ซึ่งก็ไกลพอประมาณค่าแท๊กซี่สองพักว่าเยน 


โคมไฟน้ำแข็งที่จุดเทียนไว้ด้านใน 

Asahiyama Zoo

สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงในแถบรอบนอกของเมืองอะซาฮิกาว่า กลางเกาะฮอกไกโด ซึ่งทางสวนสัตว์อนุญาตให้ผู้เข้าชมได้เข้าชมสัตว์นานาชนิดจากหลากหลายมุมมอง เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนสวนสัตว์แห่งอื่นๆ

ไฮไลท์ ได้แก่ อุโมงค์แก้วผ่านสระว่ายน้ำของเหล่าเพนกวิน  และโดมแก้วขนาดเล็กที่อยู่ตรงกลางของโซนหมีขั้วโลกและหมาป่า ผู้เข้าชมจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน สวนสัตว์แห่งนี้ยังเป็นสวนสัตว์แห่งแรกที่มีการจัดให้นกเพนกวินออกเดินในช่วงฤดูหนาว

ในส่วนของนิทรรศการจะแสดงเกี่ยวกับสัตว์ป่าพื้นเมืองของฮอกไกโด เช่น กวาง นกอินทรี เครน(ตอนนี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว) หมาป่า และสัตว์อื่นๆจากทั่วทุกมุมโลก เช่น หมีขั้วโลก ลิง(apes) แมวใหญ่ และยีราฟ

ค่าเข้าชม : 820 เยน
เวลาเปิด-ปิด: ปลายเดือนเมษายน-กลางเดือนตุลาคม 9:30-17:15(เข้าก่อน 16:00) 
กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน 9:30-16:30(เข้าก่อน 16:00) 
กลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนเมษายน 10:30-15:30(เข้าก่อน 15:00)
วันปิดทำการ: วันที่ 30 ธันวาคม - 1 มกราคม 
ประมาณ 1 อาทิตย์ระหว่างช่วงฤดูร้อน และฤดูหนาว

💘💘 ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเทศกาลของเมือง เปิด 8.30 -20.30 (เข้าก่อน 18.00) 💘💘




จุดเทียนในโคมน้ำแข็ง


หมีขั้วโลก (เห็นมี 3 ตัว)



หมาป่ามีหลายตัว


นี่คือสวนสัตว์แห่งไฟหิมะ มาช่วงเย็นๆจะเห็นแบบนี้

อุณหภูมิตอน 5 โมงกว่าๆ


การเดินทาง
จากสถานี Asahikawa Station
โดยสารรถบัสประจำทางหมายเลข 41,42 หรือ 47 ไปลงที่ Asahiyama Zoo ใช้เวลา 40 นาที ค่าใช้จ่ายเที่ยวเดียว 440 เยน บัสออกชั่วโมงละ 2 เที่ยว .... 💘💘ช่วงเทศกาลมี Shuttle Bus ฟรีด้วย💘💘

จากสนามบิน Asahikawa Airport
โดยสารรถบัสตรงไปยังสวนสัตว์ (35 นาที 550 เยน) ซึ่งมีไม่บ่อยนัก หรือจะไปลงที่สถานีรถไฟ Asahikawa Station (35 นาที 620 เยน) แล้วต่อรถบัสตามรายละเอียดข้างต้น
ขับรถยนต์ หรือนั่งแท๊กซี่ 25 นาที ค่าใช้จ่าย
ประมาณ 4,000-5,000 เยน💘💘


ที่จัดงาน Asahikawa Winter Festival ริมแม่น้ำ Ishikari


Asahibashi Site (ด้านหลังคือสะพานอาซาฮิบาชิ)




Winter Festival at Asahibashi site


เทศกาลฤดูหนาวอะซาฮิกาว่า (Asahikawa Winter Festival)

เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเกาะฮอกไกโด รองจากเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร โดยจะจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันคือสัปดาห์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่ที่อะซาฮิกาว่ามีการสร้างประติมากรรมหิมะขนาดยักษ์เป็นประจำทุกปี โดยมีรูปแบบแตกต่างกันไป เช่น ปี 2010 สร้างเป็นปราสาทหิมะขนาดใหญ่ และปี 2011 สร้างเป็นเทือกเขาไดเซสึซัง (Daisetsuzan Mountains) ประติมากรรมดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะซาฮิบาชิ

 เทศกาลจะจัดแบ่งเป็น 2 แห่ง คือ ย่านริมแม่น้ำอะซาฮิบาชิ (Asahibashi Site) จัดแต่งด้วยรูปปั้นหิมะขนาดเล็ก สไลด์หิมะ ม้าลากเลื่อน และบาร์น้ำแข็ง นอกจากนั้นยังมีเวทีสำหรับพิธีเปิดและปิดเทศกาล และจุดดอกไม้ไฟ .... อีกแห่งหนึ่ง คือ ย่านถนนคนเดินเฮวะโดริ (Heiwa Dori) ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Asahikawa Station จัดแสดงประติมากรรมน้ำแข็งกว่า 50 ชิ้น และการแข่งขันสลักน้ำแข็งประจำปี โดยช่วงกลางคืนรูปสลักก็จะมีสีสันของแสงไฟสีต่างๆสวยงามมากยิ่งขึ้น


Asahibashi site (ขอบคุณภาพจากเวป)

ที่เวทีกลางจะปั้นรูปต่างๆเปลี่ยนไปทุกปี ปีนี้ปั้นรูปหมีขั้วโลก

Asahikawa Winter Festival 2017 งานเทศกาลหิมะประจำฤดูหนาวที่เมืองอาซาฮิคาวะ เกาะฮอกไกโด ปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 58 และยังมีการฉลอง เนื่องในโอกาสที่ สวนสัตว์อาซาฮิคะวะ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมือง เปิดทำการครบรอบ 50 ปีอีกด้วย

โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-12 กุมภาพันธ์ 2017 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับงานเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร ภายในงาน จะได้ชมผลงานรูปปั้นจากหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก สัญลักษณ์ของงานเทศกาลหิมะที่นี่ ที่มีความสูง 20 เมตร ความกว้าง 30 เมตร การประดับไฟภายในเมือง ไลท์อัพหิมะ พร้อมทั้ง กิจกรรม และ ของอร่อยอีกมากมาย

วิธีการเดินทาง จากสถานี JR Sapporo ขึ้นรถไฟขบวน Limited Express Super Kamui มาลงที่สถานี Asahikawa ใช้เวลา 85 นาที และนั่ง Shuttle Bus มายังสถานที่จัดงาน


หนูน้อยนั่งบนเลื่อนพลาสติก



ผู้คนมารอพิธีเปิดงาน


อีกด้านหนึ่งใส่แสงสีด้วย


ร้านค้าอาหารร้อนๆ

ปั้นจากหิมะสวยงามมาก

(ขอบคุณภาพนี้จากเวป)



ศิลปินมาเล่นพิณ(น่าจะใช่)เปิดงานวันนี้




วันนั้นเดินชมเทศกาล Winter Festival ที่ Asahibashi site ได้ประมาณ ทุ่มกว่าๆใกล้งานเริ่มจะเปิดซึ่งนักดนตรีญี่ปุ่นกำลังบรรเลงพิณญี่ปุ่นอยู่ มีผู้คนมากมายมารอชมพิธีเปิดงานพร้อมแสดงแสงสีและพลุไฟ หลายๆคนนั่งบนพื้นหิมะ (ซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว) เฉยเลย ยังกะไม่หนาว เราทนไม่ไหวเพราะอุณหภูมิติดลบหลายองศา จึงนั่งแท๊กซี่กลับโรงแรม Fujitakanko Washington Hotel ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเพียง 300 เมตร โดยจ่ายค่าแท๊กซี่เพียง 830 เยน (แท๊กซี่เมืองนี้เริ่ม 540 เยน) แล้วออกไปเดินแถวๆโรงแรมเพื่อหาอะไรทาน.


ย่านที่พักใกล้ๆ JR ยามเช้า

หิมะกำลังตกหน้า JR

ช่างแกะสลักน้ำแข็ง...หน้า JR site



หน้าสถานีรถไฟอาซาฮิกาว่า

💘💘ประมาณ 7.55 น. วันที่ 8 กพ. เรานั่งรถไฟเที่ยวเช้ากลับซัปโปโรเพื่อเที่ยวซัปโปโรและโอตารุต่อไปครับ💘💘



__________________