วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

พาเที่ยวบ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน



ากาศเย็นๆแบบวันนี้ (7 กพ. 59) ชักคิดถึงวันที่ไปนอนพักที่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งวันนั้นเป็นช่วงปลายปี 58 อากาศหนาวลดลงไปถึง 9 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ... บล๊อกนี้เลยเอาบรรยากาศ "บ้านรักไทย" มาใหชมกันครับ


 
ยามบ่ายที่บ้านรักไทย



ทริปนี้เป็นทริปที่เราขับเที่ยวเหนือสุด โดยเดินทางเป็นวงกลมจากจอมทอง - ฮอด - แม่สะเรียง- แม่ฮ่องสอน - บ้านรักไทย - ปาย - และเชียงใหม่ นี้คือส่วนหนึ่งของแผนการเที่ยวในเส้นทางที่ว่า เราเคยเขียนเล่าเรื่องในการเดินทางมาที่แม่ฮ่องสอนไว้หลายบล๊อก หลายเวลาต่างกันซึ่งท่านสามารถเข้าไปอ่านได้ในบล๊อกนะครับ วันนี้จะเอาเฉพาะบรรยากาศที่บ้านรักไทยมาให้ชมกัน

อีกมุมริมอ่างเก็บน้ำ



เราออกจากแม่ฮ่องสอนในตอนเช้าหลังจากทานมื้อเช้าที่โรงแรมที่พักเสร็จ หลังจากนั้นก็ขับไปที่บ้านในสอย เพื่อไปเยี่ยมชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่นั่น หลังจากนั้นก็ใช้เส้นทางท่องเที่ยววงใน วิ่งต่อไปที่บ้านกุงไม้สัก เพื่อชมสะพาน "ซูตองเป้" (จะหาเวลานำมาให้ชมในบล๊อกครับ) ต่อไปที่ภูโคลน แล้วเดินทางเข้ามาที่บ้านรักไทย ถึงที่นั่นประมาณบ่าย 2


อาคารร้านค้าที่ทำด้วยดิน หรือ บ้านดิน



เส้นทางที่ไปบ้านรักไทย เป็นเส้นทางเดียวที่ไปโครงการพระราชดำริปางอุ๋ง แต่พอถึงหมู่บ้านบ้านนาป่าแปก เราขับตรงไปอีประมาณ 7 กม. มีขึ้นเขาบ้างแต่ไม่สูงมากนักเหมือนตอนแรกที่จะเข้าพระตำหนักปางตอง ขับสบายๆครับ

 
ถึงหมู่บ้านบรรยากาศก็เปลี่ยนไป นึกว่าเราหลงเข้าเขตเมืองจีนแถวๆยูนนานเสียแล้ว ตั้งแต่ป้ายทางเข้าหมู่บ้านเรื่อยไปจนถึงอ่างเก็บน้ำ "เขื่อนในหมอก" ซึ่งกลายมาเป็นทะเลสาบกลางหมู่บ้านรักไทย

หมู่บ้านรักไทยเกิดจากการอพยพเข้ามาของกองพล 93 ที่อบยพมาจากจีนตอนใต้เมื่อครั้งรบพ่ายแพ้กองทัพแดงของเหมา เจ๋อ ตุง และเข้าไปอยู่เมืองเชียงลับในพม่า ก่อนถูกปราบอย่างหนักจึงต้องเข้ามาอยู่ตามตะเข็บชายแดนไทยอย่างในปัจจุบัน ซึ่งบ้านรักไทยนี้ก็อยู่ห่างชายแดนเพียง 1 กม. เท่านั้น



"รู้ไว้ใช่ว่า"

กองพล 93 (ก๊กมินตั๋ง) เป็นกองทัพของรัฐบาลจีน ภาคใต้ของจอมพลเจียง ไค เช็ก ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลจีนที่ส่งมารักษาชายแดนจีน-พม่า การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลจีนกับกองทัพทหารพรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อ ตุง ทำให้เจียง ไค เช็ก พ่ายแพ้และหนีไปอยู่ไต้หวัน กองพล 93 ก็เลยกลายเป็นทหารไร้สังกัด หนีการกวาดล้างของฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก็มาตั้งหลักอยู่ที่เมืองเชียงลับ ในเขตประเทศพม่า โดยมีอาสาสมัครและครอบครัวลี้ภัยตามออกมาสมทบมากมาย จนได้จัดเป็นกองทัพได้ ๕ กองทัพ ภายใต้คำบัญชาการของนายพล หลี่ หมี

ปี 2504 รัฐบาลพม่าดำเนินการปราบปรามกองกำลังทหารจีนพลัดถิ่นเหล่านี้อย่างจริงจัง ทำให้กองกำลังของนายพลหลี่ หมี พ่ายแพ้ และกองทัพที่ 1, 2 และ 4 จำนวน 4,349 คน ได้ถูกส่งตัวไปไต้หวัน คงเหลือแต่กองทัพที่ 3 ของนายพลหลี่ เหวิน ฝาน และกองทัพที่ 5 ของนายพล ต้วน ซี เหวิน ที่ไม่ไม่ต้องการไปไต้หวันและได้นำกำลังอพยพหนีการกวาดล้างของพม่าเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยไต้หวันประกาศจะไม่สนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังที่ตกค้างเหล่านี้อีก ในที่สุด กองทัพที่ 3 ก็มาถึงอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองทัพที่ 5 มาปักหลักอยู่ที่ดอยแม่สลอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้มอบหมายให้พลทหารเอกทวี จุลทรัพย์ และ พลโทเกรียงศักดิ์ ชนะนันทน์ เป็นผู้เจรจากับไต้หวันแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จนในปี 2513 อเมริกาก็ได้ตกลงเข้ามาช่วย รัฐบาลไทยจึงอนุญาตให้กองทหารจีนอยู่ได้ในฐานะผู้อพยพ เพื่อเป็นกองกำลังกันชนตามแนวชายแดน ป้องกันการแทรกซึมของ ผกค.และพลอากาศเอก ทวี ได้ตั้งชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่าบ้านสันติคีรี หมายถึงหมู่บ้านในขุนเขาที่สงบสุข ในขณะที่คนจีนเรียกว่าเรียกดอยนี้ว่า เหมย ซือ เล่อ อันเป็นความหมายเดียวกันว่า ดินแดนที่มีความสุข

หลังจากนั้น กองกำลังทหารจีนของนายพลต้วน ซึ่งภายหลังได้ชื่อว่ากองทหารจีนคณะชาติก็ได้เป็นกำลังสำคัญร่วมต่อสู้ต่อต้าน ผกค. ในแถบจังหวัดเชียงรายหลายครั้ง โดยสามารถลดอิทธิพล ผกค.บนดอยหลวง ดอยยาว และดอยผาหม่นลงได้มาก รวมถึงสมรภูมิเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ อันเป็นภาระกิจสุดท้ายก่อนปลดอาวุธให้รัฐบาลไทย

จากหมู่บ้านกองกำลังทหารกลายมาเป็นหมู่บ้านการเกษตรคงไม่ง่ายนัก จากการดำรงชีวิตด้วยการรับจ้างลำเลียงฝิ่น การตั้งด่านภาษีเถื่อนและการค้าอาวุธสงครามก็ต้องยุติ แผ่นดินถูกพลิกฟื้น พืชพรรณไม้เมืองหนาวจากโครงการหลวง ชาพันธ์อัสสัม ชิงชิง และอูหลง ได้ส่งมาจากไต้หวัน ชาวบ้านก็มีความหวังใหม่และได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา
(อ่านเพิ่มเติม)

วิวจากร้านลีไวน์รักไทย



รีสอร์ทที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่ก็มี ลีไวน์รักไทย รีสอร์ท http://www.leewinerukthai.com/
ต้าเหล่าซือรีสอร์ทรักไทย โทร 089 557 2258 และ 086 420 4382 ชาสารักไทย เป็นต้น..

เราเดินถ่ายภาพกันในไร่ชาที่ลีไวน์รักไทยรีสอร์ทและแวะซื้อไวน์ที่ร้าน ก่อนทานมื้อบ่ายกัน ซึ่งแน่ล่ะที่นี่ก็มีอาหารจีนยูนนานดังๆ เช่นหมั่นโถ ขาหมูยูนนาน ขาเห็ดทอด และช้อตเด็ดคือการชิมชาครับ ... ชาที่นี่เขาใส่แก้วชาซึ่งเป็นเซอรามิคเล็กๆ (ในภาพ) แล้วใส่น้ำชาเอาไว้ เวลาจะดื่มชาก็ค่อยๆยกแก้วเซอรามิคนั้นขึ้น น้ำชาก็จะเติมลงในถ้วย ยกจจนสุดก็ได้น้ำชาเต็มถ้วยชาพอดี
ทานเที่ยงกัน...ล่างซ้ายสุดคือยำใบชา



อีกย่างที่แนะนำให้ลอง ก็คือยำใบชาครับ รสชาติแปลกๆดี ส่วนใครชอบขาหมูยูนนาน ก็มีให้เลือกครับ ร้านที่คนชอบนั่งที่สุดและอยู่ติดอ่างเก็บน้ำคือร้านลีไวน์รักไทยครับ (ไม่ได้ค่าโปรโมตนะ) หรือชอบแบบเงียบๆ ก็ลองวนดูรอบๆอ่างเก็บน้ำได้นะครับ

 
ฝั่งตรงข้ามร้านลีไวน์ เป็นรีสอร์ทและเกสเฮ้าส์


เกสเฮ้าส์ริมอ่าง



สำหรับท่านที่ชอบที่พักราคาประหยัดก็นี่เลยครับเกสเฮ้าส์ มีให้เลือกหลายที่รอบๆอ่างเก็บน้ำขับถามไปเรื่อยๆ ราคามีตั้งแต่ 600 บาท - 1500 บาท ซึ่งแต่ละห้องก็เหมาะกับจำนวนผู้เข้าพักที่แตกต่างกัน เช่น 1500 บาทก็พักได้หลายคน.... ห้องพักเกสเฮ้าส์ส่วนมากจะไม่ติดแอร์แต่มีน้ำอุ่นให้อาบ คืนไหนไม่หนาวมาก ออกมานั่งถองเบียร์ริมอ่างฯบรรยากาศนี่น่าจะสุดๆครับ


 

บรรยากาศแถวๆร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร


 

ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท




ยามค่ำคืน



ในค่ำคืนที่เราไป (28/12/15) อากาศค่อนข้างหนาวเย็น ผู้คนเลยออกมาเดินเล่นกันไม่มากนัก เราเดินเก็บภาพไปชิมชาตามร้านไปไม่นานนักก็ต้องกลับที่พักเช่นกัน .... หัวรุ่งตื่นมาเอาของที่รถเจออุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส ก็นับว่าเย็นมากเช่นกัน แต่คนที่นั่นบอกว่าอุณหภูมิบางครั้งลงไปเป็น 0 (ศูนย์) องศาก็เคยบ่อยๆ

 
แสงยามเช้าที่ผ่านเหลี่ยมเขา



เช้าวันที่ 29 ธันวาคม 2558 เราตื่นเอา 7 โมงกว่าแล้วเพราะเย็นเหลือเกิน ตื่นขึ้นมาเห็นผิวน้ำเต็มไปด้วยไอหมอก สวยงามจริงๆ .... จำได้ว่าไม่เคยเห็นภาพแบบนั้นมานานมากๆแล้ว .... แสงไฟที่ยังเรื่อๆอยู่ตามอาคารริมอ่างฯ ทำให้ภาพที่เห็นนั้นสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก

ที่บ้านรักไทยเหมาะกับการได้มาพักผ่อนเดินหรือปั่นจักรยานเล่นจริงๆ ไม่ไกลจากนี้ยังมีโครงการปางอุ๋งให้ไปเยี่ยมชมในยามเช้าอีกเช่นกัน

 



บรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำยามเช้า



บ้านรักไทย ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานอดีต ทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) “ก๊กมินตั๊ง” บ้านรักไทยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล กว่า 1,776 เมตร ทำให้พื้นที่ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาว ทิวทัศน์ของ หมู่บ้านโอบล้อมไปด้วยทิวเขา แมกไม้ที่ อุดมสมบูรณ์ บ้านรักไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของชาและขาหมู่หมั่นโถว คล้ายกับดอยแม่สลอง (กองพลเดียวกัน) นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่แห่งนี้เพื่อดื่มด่ำกับการชิมชา และ ทานขาหมูหมั่นโถว บ้างก็หลีกหนี ความวุ่นวายมาหาความเงียบสบาย ของบ้านรักไทยแห่งนี้ บ้านรักไทยยังมีกิจกรรมหลายอย่างไว้ให้นักท่องเที่ยว ได้สนุกสนาน เช่น การเดินป่าศึกษาเส้นทางโดยมัคคุเทศน์น้อย พาเข้าไปชม "คุกดิน" และการขี่ม้าพาข้ามแดนไป ฝั่งพม่า ที่บ้านรักไทยยังมีเกสเฮาส์ริมน้ำ (บ้านดิน) ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องกับสัมผัสกับ ธรรมชาติแบบใกล้ ชิดอีกด้วย


 

รับลมหนาวยามเช้าตรู่



การเดินทางไปบ้านรักไทย

1.โดยรถส่วนตัว
ใช้เส้นทางแม่ฮ่องสอน - ปาย (1095) ออกจากตัวแม่ฮ่องสอนไปประมาณ 15 กม. จะมีทางแยกซ้ายมือมีป้าย บอกทางไปภูโคลนให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป (เส้นทางเดียวกับภูโคลน) ระยะทางจากปากทาง - บ้านรักไทยประมาณ 29 กม. เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าไปแล้วก็ตรงไปเรื่อย ๆ เลยครับเส้นทางจะผ่านภูโคลน น้ำตกผ่าเสื่อ พระตำหนักปางตอง ทางจะเป็นทางขึ้นเข้าชันมีโค้งหักศอกพอสมควร (น้อง ๆ อ่างขาง) เส้นทางนี้จะเลยบ้านรวมไทยไปอีก 7 กม. ก็จะถึงบ้านรักไทย

2. รถโดยสารประจำทาง
จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ขึ้นรถสองแถวสายแม่ฮ่องสอน - บ้านรักไทย (แม่ออ)ท่ารถอยู่ที่หลังตลาดสายหยุด

ลาด้วยภาพนี้ครับ